แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเคอร์เรนซีในไทยจะร้อนๆ หนาวๆ กันไหม? เมื่อ กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Gulf Binance) บริษัทร่วมทุนที่พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Binance TH by Gulf Binance ประกาศว่า จะเร่งบุกตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างระบบนิเวศ Blockchain และ Web3 ให้แข็งแกร่ง และมุ่งเป็นเบอร์หนึ่งของระบบนิเวศนี้ในประเทศไทยให้จงได้

เวทีสัมมนาเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือ Gulf Binance Digital Asset Forum จัดขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม 2567 ณ Gaysorn Uban Resort

เพิ่งจบงานสดๆ ร้อนๆ สำหรับ กัลฟ์ ไบแนนซ์ ดิจิทัล แอสเซท ฟอรัม (Gulf Binance Digital Asset Forum) งานเปิดปฐมบทใหม่ให้ภูมิทัศน์ดิจิทัลของประเทศไทยที่ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด และ บริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีผู้คร่ำหวอดและผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารจากกัลฟ์ (Gulf) ไบแนนซ์ (Binance) และกัลฟ์ ไบแนนซ์ (Gulf Binance) พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนของไทย มาอภิปรายถึงอนาคตของคริปโต แนวทางผลักดัน Binance TH by Gulf Binance  ให้เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับคนไทย ตลอดจนจุดประกายความคิดในด้านนวัตกรรม กฎระเบียบ และแนวโน้มของตลาดในอนาคตและสร้างโอกาสนำพาสินทรัพย์ดิจิทัลไทยสู่ตลาดโลก

ผู้บุกเบิกและผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่มาร่วมบนเวที Gulf Binance Digital Asset Forum

• คุณริชาร์ด เทง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Binance มานำเสนอภาพรวมของไบแนนซ์ในตลาดโลก พร้อมเผยมุมมองแนวโน้มตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ในฐานะผู้นำของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Key Messages หลัก มีดังนี้

  1. หลังจากการเปิดตัว ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เป้าหมายหลักของ กัลฟ์ ไบแนนซ์ คือ การขึ้นเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 1 ในประเทศไทย โดยตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการให้ความสำคัญกับผู้ใช้งาน การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

  2. ในฐานะซีอีโอ ไบแนนซ์ มองประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยประเทศไทยมีอัตราการยอมรับให้เกิดการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 10% รวมถึงคนไทยมีความเชียวชาญทางเทคโนโลยี สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจ ทำให้ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง บริษัทจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างและเข้าไปมีส่วนร่วมในคอมมูนิตีของคนไทยเพื่อต่อยอดความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์อันหลากหลายของสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน

  3. กัลฟ์ ไบแนนซ์ ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความเข้าใจ ให้ความรู้ ส่งเสริมการเติบโตของคอมมูนิตีสินทรัพย์ดิจิตัลในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยจะเน้นการให้ข้อมูลผ่านเครื่องมือดิจิทัลและการเพิ่มทักษะการใช้งานคริปโต เพื่อเตรียมสังคมให้พร้อมสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนแห่งอนาคต

  4. ไบแนนซ์ จับมือกับ บริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด ถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญ เนื่องจาก กัลฟ์ เป็นหนึ่งในบริษัทยักษใหญ่ของประเทศไทย และที่สำคัญยังมีวิสัยทัศน์ด้านการลงทุนและมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงมีบริการอย่าง AIS อยู่ในระบบนิเวศอีกด้วย

  5. ไบแนนซ์ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบและเข้าใจขอบเขตของกฎหมายในแต่ละประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ ทั้งการติดต่อสื่อสารและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานบังคับกฎหมายในระดับโลก ในการตรวจสอบนโยบายบริษัทอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่า ไบแนนซ์ปฏิบัติตามกฎหมายในทุกประเทศที่เปิดให้บริการ 

  6. ในด้านความท้าทายที่มีต่อการดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น แตกต่างกันไปตามกฎเกณฑ์ ข้อบังคับของแต่ละประเทศ บริษัทจึงต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ อย่างทวีปยุโรปและตะวันออกกลางที่ไบแนนซ์ได้รับใบอนุญาตในหลายประเทศ

  7. ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 10 ของ Global Crypto Adoption Index หรือ ดัชนีการใช้งานคริปโตในระดับโลก ไทยจึงเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ และเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพในการเทรด การให้ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มจะช่วยขยายตลาดออกไปได้ ท่ามกลางระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการกำกับดูแล มีผู้เล่นเข้ามามากขึ้น

"ผมทำงานกับไบแนนซ์ตั้งแต่ปี 2017 ตอนนั้นยังไม่เห็นว่าคริปโตจะเป็นกระแสหลัก แต่ไม่กี่ปีมานี้ มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น ภาครัฐของหลายประเทศเปิดรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นแล้วก็เข้ามากำกับดูแลตลาด ต่อมาอเมริกาก็มี BITCOIN ETFs ซึ่งก็เป็นนิมิตหมายที่ดี ดังนั้น จะเห็นว่าคริปโต บล็อกเชน เป็นเทคโนโลยีที่ปรับตัวได้และมีการเติบโตอยู่เสมอ และถ้าจะพูดว่าเทคโนโลยีไหนที่จะมีความสําคัญมากต่ออุตสาหกรรมในอนาคต เรียกว่าเป็น Future Economy ทุกคนก็คงจะเห็นว่ามี AI, Blockchain, Web3 ผมจึงเชื่อว่า คริปโตจะเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้น และการเติบโตของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในอีก 5 ปีหลังจากนี้ จะรวดเร็วยิ่งกว่า 5 ปีที่ผ่านมา" คุณริชาร์ดกล่าว

• คุณเรเชล คอนแลน ประธานบริหารฝ่ายการตลาดของ Binance มานำเสนอมุมมองของผู้นำด้านการตลาดที่เล็งเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านการยอมรับการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมกับการแชร์ข้อมูลเชิงลึกในการสร้างความเข้าใจต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในหมู่ผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรม อัตราการยอมรับและใช้คริปโตทั่วโลกในปัจจุบันอยู่ที่ราว 420 ล้านราย คิดเป็น 4.2% ของประชากรโลกเท่านั้น ตามมาด้วย 5 เทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่

  • เทรนด์ที่ 1 Bitcoin Narrative 
    จากการวางระบบกำหนดหมายและติดตาม รายการการทำธุรกรรมของ Bitcoin พัฒนาสู่ Bitcoin ETFs และกำลังก้าวสู่ Bitcoin Halving
    
    
  • เทรนด์ที่ 2 Artificial Intelligence 
    จะมีการใช้เทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลทุกๆ ด้าน เช่น ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ใช้คาดการณ์อนาคต ใช้เป็นระบบอัตโนมัติ ใช้สร้างสรรค์งานศิลปะ รวมถึงใช้ใน DAO Operations อีกด้วย
    
    
  • เทรนด์ที่ 3 Security Will Remain Paramount 
    ความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญมากที่สุด 
    
    
  • เทรนด์ที่ 4 The Ownership Economy 
    เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจแห่งความเป็นเจ้าของ เช่น มีการกำกับดูแลการใช้ข้อมูลมากขึ้น ในขณะที่โซเชียลมีเดียใช้ระบบกระจายศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้น  
    
    
  • เทรนด์ที่ 5 Brand Collaborations 
    แบรนด์ต่างๆ จะร่วมมือกันมากขึ้นและจะไปปรากฏบน Web3 ทำให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กันแบบ Interactive และเชื่อมต่อกันได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น
    
    

• คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gulf Binance ผู้นำของบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด และบริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวถึงการนำความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมารวมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นและใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้งานชาวไทย พร้อมกับเผยพันธกิจของ Binance TH ในการสร้างโอกาสสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

"ไบแนนซ์เป็นแพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ในขณะที่กัลฟ์มีระบบนิเวศทางธุรกิจและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง เมื่อมาร่วมมือกันเป็น กัลฟ์ ไบแนนซ์ สร้าง Binance TH by Gulf Binance ขึ้น ลูกค้าก็จะได้ใช้แพลตฟอร์มที่มีเทคโนโลยีเดียวกับ Binance ในระดับโลก นอกจากนี้ กัลฟ์ยังสามารถดึง AIS ซึ่งอยู่ในระบบนิเวศของกัลฟ์ มาส่งเสริมและให้ความรู้ด้านการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยได้ด้วย 

แม้ว่า กัลฟ์ ไบแนนซ์ เป็นหน้าใหม่ของธุรกิจนี้ เราจึงวางกลยุทธ์ชิงส่วนแบ่งตลาดโดยสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี มีความแตกต่าง ใช้งานง่าย และปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้ามาใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา และทำให้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของระบบนิเวศ Blockchain และ Web3 ให้ได้

คุณนิรันดร์กล่าวและให้ข้อมูลอีกว่า Binance TH by Gulf Binance เป็นแพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเหรียญมากที่สุดในไทย โดยมีมากกว่า 120 เหรียญ และยังเป็น Digital Asset Exchange เจ้าแรกที่เชื่อมต่อกับระบบ NDID และ ThaID ได้ ผู้สมัครใช้งานจึงสามารถยืนยันตัวตน (KYC) ได้อย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเป็นการพูดคุยกันในประเด็น 'ความร่วมมือของ Binance และพาร์ตเนอร์ระหว่างประเทศในการปลดล็อกศักยภาพของคริปโต' นำโดย

• คุณสัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด บุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมบล็อกเชนของไทย ที่มานำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการสนับสนุนองค์ความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้เล่นทุกคนในอุตสาหกรรม

• คุณยูโดโนะ ราวิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tokocrypto ผู้นำของหนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มานำเสนอมุมมองในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

• คุณวิชัล ซาชีนดรัน หัวหน้าฝ่ายตลาดภูมิภาคของ Binance ผู้ดูแลการดำเนินงานของ Binance ในหลายภูมิภาค ที่มาสร้างความเข้าใจเรื่องความท้าทายและโอกาสในตลาดคริปโตทั่วโลก เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมฟังสัมมนาที่กำลังมองหาความเป็นไปได้ของเส้นทางอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลไทยสู่ตลาดโลก

นอกเหนือจากนี้ คุณสารัชถ์ รัตนาวะดี  กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ยังให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นงานสัมมนาเกี่ยวกับการขยายธุรกิจสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและ Virtual Bank ใจความว่า

• เหตุที่กัลฟ์ร่วมมือกับไบแนนซ์ เพราะคุ้นเคยกับเจ้าของธุรกิจ และไบแนนซ์มีความรู้และเชี่ยวชาญในด้าน Digital Asset มีแนวคิดที่ดี ทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง มั่นใจได้ในเรื่องระบบและเทคโนโลยี การลงทุนร่วมกัน สนับสนุนซึ่งกันและกันจะทำให้ธุรกิจเติบโตร่วมกันได้ต่อไป
  
  
• ด้าน Virtual Bank กัลฟ์จะร่วมมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยื่นขอใบอนุญาตทำธุรกิจ Virtual Bank หรือธนาคารไร้สาขา ภายในปี 2567 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 5,000 ล้านบาท ซึ่งการดึงจุดแข็งของ AIS ที่มีฐานลูกค้า 45 ล้านราย และธนาคารกรุงไทยที่ตรวจสอบได้ว่า ลูกค้ามีความสามารถในการกู้หรือไม่ จะช่วยให้คนไทยเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยอัตราดอกเบี้ยไม่สูง และหลังจากนี้ก็จะเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาอีก

"ถ้าไบแนนซ์ร่วมกับ AIS ได้ก็จะมีประโยชน์อีกเยอะ ต่อยอดกันขึ้นไปได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในมือถือหมดแล้ว Virtual Bank ก็อยู่บนมือถือ ธุรกรรมต่างๆ ชีวิตประจำวันของเราส่วนมากก็อยู่บนมือถือ ซึ่งตอนที่ Binance เข้ามาเปิด มาในช่วงที่กฎระเบียบของ ก.ล.ต. เข้มงวดมากขึ้น Binance จึงเข้ามาในช่วงที่กฎระเบียบเคร่งครัดมากของ ก.ล.ต.และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย ค่อนข้างปลอดภัยถ้ามาใช้เทคโนโลยีของ Binance ที่เราเป็นพาร์ตเนอร์อยู่ก็สบายใจได้" คุณสารัชถ์กล่าวเสริม