ปรับองค์กรสู่ Digital Future เริ่มที่ ‘คน’ หรือ ‘เทคโนโลยี’ ฟัง NTT DATA ผู้เชี่ยวชาญ Digital Transformation | Techsauce

ปรับองค์กรสู่ Digital Future เริ่มที่ ‘คน’ หรือ ‘เทคโนโลยี’ ฟัง NTT DATA ผู้เชี่ยวชาญ Digital Transformation

เคยไหม ? ลงทุนไปมากมายกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในองค์กร แต่สุดท้ายไม่ได้ประโยชน์คืนมาอย่างที่คิด เพราะบุคลากรไม่พร้อมที่จะปรับตัวและใช้เครื่องมือใหม่ 

นี่คือปัญหาใหญ่ที่ Digital Transformation ขององค์กรทั่วโลกกว่า 84% ไม่ประสบความสำเร็จ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ‘เทคโนโลยี’ ที่องค์กรมีนั้นไม่มีประสิทธิภาพ เพียงแต่ ‘ทรัพยากรคน’ ขององค์กรยังขาดความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และความพร้อมที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง 

บทความนี้ Techsauce จะพาไปหาคำตอบว่า…ทำไมทรัพยากรคนถึงมีผลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล และองค์กรควรรับมืออย่างไร?

ทำไม ‘คน’ มีผลต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กร?

Digital Transformation Is About Talent, Not Technology

Digital Transformation คือเสาหลักสำคัญในการเดินหน้าธุรกิจของหลายๆ องค์กรในปัจจุบัน มีองค์ประกอบสำคัญ คือ การสร้างนวัตกรรม ไม่ว่าจะผ่านการกำหนดกลยุทธ์หรือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ตาม เป้าหมายหลักก็เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมและองค์กรสามารถอยู่รอดในระยะยาว

แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ‘การที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา’ ทำให้แม้องค์กรจะทุ่มเม็ดเงินมหาศาลไปกับเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็ทรัพยากรคนที่องค์กรมีไม่มีทักษะหรือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เพียงพอ ทำให้พวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน และไม่สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ จนเป็นผลให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนั้นไม่สำเร็จนั่นเอง

องค์กรควรรับมืออย่างไรกับ ‘ความไม่พร้อมของคน’?

คำตอบแรกที่ขึ้นมา คือ ‘การลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาทักษะที่จำเป็นให้กับพนักงาน’ ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ผิด เพราะการพัฒนาบุคลากรในองค์กรอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนมากที่สุด แต่ข้อเสียของมันคือ ใช้เวลานานและเป็นเรื่องยากที่จะพัฒนาคนจำนวนมากในเวลาพร้อม ๆ กัน

ดังนั้น ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่รู้ลึก รู้จริง และพร้อมจะช่วยยกระดับองค์กรแบบทันที จึงมีส่วนสำคัญที่จะช่วยลดเวลาในการพัฒนาคนและองค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างนวัตกรรมและหาโซลูชัน เพื่อทำให้อนาคตแห่งโลกดิจิทัลเกิดขึ้นจริงได้ 

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation อย่างบริษัท NTT DATA  มีความถนัดและมีความรู้เชิงลึกในอุตสาหกรรมไอที สามารถเสนอโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและให้คำปรึกษาที่ครอบคลุมทั้งด้านแอปพลิเคชัน การดำเนินงาน และโครงสร้างพื้นฐาน (Network, Server และ Data Center ฯลฯ) ได้เป็นอย่างดี 

NTT DATA เป็นเครือข่ายธุรกิจของ NTT Group กลุ่มบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจและเทคโนโลยีระดับโลกมาอย่างยาวนาน จะมีบทบาทเข้ามาช่วยองค์กรในการเลือกใช้เทคโนโลยี บริหารจัดการเทคโนโลยี และให้คำแนะนำ วิเคราะห์ จัดลำดับความสำคัญ รวมถึงขั้นตอนในการ Transform เพื่อตอบโจทย์ด้านธุรกิจ อาทิ

  • Cloud Computing
  • Data Center
  • Networks
  • Cybersecurity
  • Technology Solutions 

นอกจากนี้ NTT DATA ยังมีเครือข่ายธุรกิจที่มีอยู่กว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมถึง 14 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ NTT DATA ไม่ได้มีเพียงแค่ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเชิงลึกเท่านั้น แต่ยัง…

  • เข้าใจปัญหาที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค เพราะองค์กรต่างภูมิภาคย่อมมีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งทาง NTT DATA มีพนักงานกระจายอยู่ทั่วโลกกว่าพนักงานกว่า 190,000 คน จึงไม่ต้องกังวลว่าบริษัทต่างชาติจะไม่เข้าใจปัญหาขององค์กร
  • เชี่ยวชาญหลากหลายอุตสาหกรรม แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งที่ต้องทำ Digital Transformation แต่เกือบทุกอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำ โดย NTT DATA มีความเชี่ยวชาญตั้งแต่บริการเฮลท์แคร์, บริการทางการเงิน, ไปจนถึงภาครัฐและการศึกษา เป็นต้น

จุดแข็งที่ทำให้ NTT DATA แตกต่าง

นอกจากความเชี่ยวชาญที่สำคัญในการเอาชนะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแล้ว การ ‘Always On’ ก็สำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งทาง NTT DATA มี 2 จุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทยังคงเป็นเบอร์ต้น ๆ แม้เทคโนโลยีและโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วมากก็ตาม

1. ไม่หยุดคิดค้นและพัฒนา

NTT DATA เชื่อว่า “นวัตกรรมก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุและผล” ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา NTT DATA ลงทุนกว่า 3,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.2 แสนล้าน) เพื่อวิจัย พัฒนา และอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีอยู่เสมอ ผ่านการทำงานร่วมกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีชั้นแนวหน้าที่สุดของโลก อาทิ Cisco, Microsoft, SAP, Amazon Web Services, Google Cloud และ Salesforce ไปจนถึงหาโซลูชันต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 

เพื่อรับมือความท้าทายอันซับซ้อนในอนาคต และเชื่อมโยงผู้คน รวมถึงการบริหารจัดการแอปพลิเคชัน ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานของลูกค้า จึงช่วยประหยัดต้นทุนและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การที่ NTT DATA ช่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถปฏิบัติหน้าเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชน ด้วยการนำ AI, แมชชีนเลิร์นนิง รวมเข้ากับอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT) และเทคโนโลยีประมวลผลอันล้ำหน้าในเมืองอัจฉริยะหลายแห่ง

2. ก้าวล้ำ ทันสมัย แต่ยั่งยืน

เมื่อ Sustainability ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือแนวทางปัจจุบัน ทั่วโลกต่างพยายามบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ (net-zero) ภายในปี 2030 ซึ่งทาง NTT DATA ก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันบริษัท NTT DATA เป็นผู้นำในด้านการจัดการคาร์บอนอยู่แล้ว ตามรายงานการประเมินทั่วโลกของ EcoVadis

โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ (net-zero) จากการดำเนินงานในทุกธุรกิจของตนภายในปี 2030 และจากห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดขององค์กรภายในปี 2040 ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านการค้นหาโซลูชันด้านดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในการส่งเสริมให้เกิดอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น ผ่านการดำเนินงานภายในองค์กรที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคมอยู่เสมอ

เห็นได้ชัดจากการปรับเปลี่ยนโฉมสำนักงานอาพีเรียของ NTT DATA สาขาสิงคโปร์ ที่ให้พนักงานกว่า 2,000 คนในสิงคโปร์ จากสำนักงานย่อย 10 แห่ง และหน่วยธุรกิจ 6 หน่วย มาทำงานร่วมกัน โดยการปรับเปลี่ยนโฉมครั้งนี้ NTT DATA ได้นำเทคโนโลยีออฟฟิศอัจฉริยะ เช่น ในการมอนิเตอร์การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ การจองห้องประชุม เพื่อสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้กับพนักงาน ซึ่งจะนำไปสู่ประสิทธิผลการทำงาน ตลอดจนถึงการย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์ การใช้บริการรับฝากเซิร์ฟเวอร์เอาไว้ในศูนย์ข้อมูลที่ช่วยรักษ์โลก และการลดการใช้งานฮาร์ดแวร์ของบริษัท

ในรายงานประเมินผลงานบริษัทด้านความยั่งยืนของ S&P Global ESG Scores บริษัทจึงถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม ทั้งในหมวด ESG และเศรษฐกิจ 

บทความนี้เป็น Advertorial

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เส้นทางของ Kakao จากสตาร์ทอัพสู่หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลแถวหน้าในอุตสาหกรรมบันเทิง

สตาร์ทอัพที่เริ่มต้นด้วยคนเพียง 2 คน สู่อาณาจักรไอทียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ บทความนี้ Techsauce จะชวนดูความสำเร็จของ ‘Kakao’ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 24.7 ล้านล้านวอน หรือราว 6.7 ...

Responsive image

2024 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยต้องโฟกัสอะไร? รู้จักกลยุทธ์ 2C โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย เจาะปัจจัยหลักที่นักการตลาดดิจิทัลต้องรู้

บทความนี้ Techsauce จึงจะพามารู้จักกับ 2 กุญแจชิ้นสำคัญอย่าง Content & Convenience ที่กุมชะตาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยในยุคดิจิทัล...

Responsive image

AirAsia MOVE ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ สู่ผู้นำแพลตฟอร์มเดินทาง OTA แบบคุ้มครบจบในแอปเดียว พร้อมแพ็กเกจบินทั่วอาเซียนแบบไม่จำกัด

airasia Superapp ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่ในชื่อ AirAsia MOVE พร้อมปรับโฉมแอปพลิเคชันใหม่ และเสริมกลยุทธ์ด้านธุรกิจเพื่อผลักดันให้ AirAsia Move เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์ม OTA (ตัวแทนด้านก...