เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2563 จีนประกาศออกร่างกฎหมายเพื่อหยุดการผูกขาดกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการบิ๊กเทคในจีนไม่น้อยเลยทีเดียว ดังที่เราได้เห็นเหตุการณ์ระงับการ IPO ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดของบริษัท Ant Group หนึ่งในเครือ Alibaba ของมหาเศรษฐี แจ็ค หม่า รวมถึงการที่รัฐบาลจีนเรียกสอบสวนกระบวนการทำธุรกิจฟินเทครายนี้อย่างละเอียด ทำให้นักลงทุนในหุ้น Alibaba หวาดหวั่นกังวลมาแล้ว 

ไม่ใช่เพียงแต่ Ant Group เท่านั้น Tencent ยักษ์ใหญ่โซเชียลมีเดียแห่งประเทศจีนที่ก่อตั้งโดยคุณโพนี่ หม่า (Pony Ma) ก็ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน (CSRC) จับตามองเป็นรายต่อไป ในฐานะผู้ครองอาณาจักรโซเชียลมีเดีย “WeChat” และเป็นเจ้าของธุรกิจฟินเทค บริการด้านธุรกิจอีกมากมาย 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หน่วยงานกำกับดูแลจีนเพ่งเล็ง Tencent ในฐานะธุรกิจผูกขาด ก่อนหน้านี้ในเดือนธ.ค. ปี 2020 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการตลาดของจีนในภาคส่วนการดูแลด้านการผูกขาดทางการค้า ก็ได้สั่งปรับ Tencent เป็นเงิน 500,000 หยวนมาก่อนแล้ว เนื่องจาก Tencent เองก็ทำผิดกฎจากการเข้าซื้อกิจการรายย่อยโดยที่ไม่ได้ส่งรายงานให้ทาง ก.ล.ต. จีนรับทราบ ยังไม่รวมเหตุการณ์อื้อฉาวที่ลือว่าบุคลากรระดับสูงในบริษัทกระทำทุจริตที่ส่งข้อมูลผู้ใช้ในแอปพลิเคชัน WeChat ให้กับอดีตเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่กระนั้นเอง ราคาหุ้นและมูลค่าบริษัทกลับสวนทางข่าวร้ายที่ผ่านมา โดยทั้งปี 2020 หุ้น Tencent ขึ้นถึง 11% 

อย่างไรก็ดี ในปี 2021 หน่วยงานกำกับดูแลตลาดจีนยกระดับกฎหมายให้เข้มข้นกว่าเดิม ได้ย้ำว่าจะเสริมการต่อต้านการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และจะใช้มาตรการที่เด็ดขาด รวมไปถึงสืบสวนและลงโทษอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้เล่นรายย่อยสามารถเข้ามาในตลาดได้ง่ายขึ้น 

แน่นอนว่าครั้งนี้ Tencent ย่อมหนีไม่พ้นสายตาก.ล.ต. จีน เมื่อผู้สังเกตการณ์ต่อต้านการผูกขาดจีนสั่งเฝ้าระวัง และคาดการณ์ว่าจะมีการสอบสวนและลงโทษที่ใกล้เคียงกับกรณีของ Ant Group ของมหาเศรษฐีแจ็ค หม่า กล่าวคือ อาจต้องทำบริษัทให้เป็นรูปแบบโฮลดิ้ง ข่าวดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้นักลงทุนประจำตลาดฮ่องกง ราคาซื้อขายร่วงลงกว่า 8% และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องกว่า 4% จนถึงวันอังคาร มูลค่าบริษัทสูญไปถึง 6.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในไม่กี่วัน

ในสุดท้ายแล้ว Tencent จะมีตอนจบที่คล้ายคลึงกับ Alibaba หรือไม่ ต้องติดตามท่าทีของรัฐบาลจีนกันต่อไป