เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา มีข่าวว่อนไปทั่วว่าข้อมูลส่วนตัวของคนไทยกว่า 55 ล้านรายหลุดและถูกขายอยู่บน BreachForum ผ่านแฮกเกอร์ที่ใช้ชื่อว่า 9near และเปิดให้ซื้อข้อมูลดังกล่าวได้ 3 รูปแบบ 1. ค้นหาและซื้อข้อมูลเฉพาะบุคคล 2. ซื้อข้อมูลทั้งหมด 3. ซื้อข้อมูลบางส่วน โดยมีช่องทางการชำระเงินเพียงช่องทางเดียวนั่นก็คือ เหรียญ Crypto XMR หรือ Monero นั่นเอง
แต่ดูเหมือนว่าบางคนอาจจะยังเข้าใจผิดอยู่จากการที่หลายสำนักข่าวเรียกการชำระเงินนี้ว่า “บิทคอยน์ในสกุล XMR” ซึ่งไม่เป็นความจริง บทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับ Monero (XMR) ว่าคืออะไร มีข้อแตกต่างอย่างไรกับ Bitcoin และทำไมแฮกเกอร์ถึงเลือกใช้เป็นช่องทางในการชำระเงิน
Monero หรือชื่อย่อ XMR เป็นสกุลเงิน Crypto ที่อยู่ในกลุ่มของ Privacy Coins เช่น Litecoin Zcash หรือ Firo ที่เน้นไปในเรื่องของความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมทางการเงิน ดังนั้น Monero และ Bitcoin เป็นคนละอย่างกัน ไม่ใช่บิทคอยน์สกุล XMR แต่อาจจะเรียกว่าเป็น เหรียญ Crypto XMR ก็ได้
Monero เปิดตัวเมื่อปี 2014 เป็น cryptocurrency ที่เน้นไปในเรื่องของ Privacy มีจุดเด่นคือการทำธุรกรรมแบบไร้ตัวตน ไม่สามารถติดตามได้ อีกทั้งยังมีเทคนิคทาง cryptography และใช้อีกหลายวิธีการในการเพิ่มความเป็นส่วนตัว
เป็นความจริงที่ Bitcoin เคยถูกใช้เป็นช่องทางการชำระเงินในตลาดมืดอย่าง Silkroad มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น Bitcoin ก็เป็นสกุลเงินที่มีความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ ทำให้ยุคหลังๆ ผู้คนหันมาใช้ Privacy Coin อย่าง Monero แทน เพราะมีความเป็นส่วนตัวและตรวจสอบได้ยากมากกว่าที่จะใช้ Bitcoin
Monero และ Bitcoin มีข้อแตกต่างหลายด้าน แต่ถ้านับเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวแล้ว Monero จะมีความไร้ตัวตน (anonymous) ส่วน Bitcoin จะมีความไร้นาม (pseudonymous) พูดง่ายๆ ก็คือเราสามารถเข้าไปดูข้อมูลใน Blockchain ของ Bitcoin ได้แต่เราจะไม่ทราบว่าธุรกรรมนั้นๆ เป็นของใคร (pseudonymous) แต่เราสามารถติดป้ายและใช้เครื่องมือ Blockchain Analysis เพื่อติดตามได้ว่าเป็นกระเป๋าของใคร ทำธุรกรรมอะไรบ้าง
ในขณะเดียวกันบน Blockchain ของ Monero เราสามารถดูได้แค่ธุรกรรม ไม่สามารถดูกระเป๋าเงินใครได้ (anonymous) และการติดตามเส้นทางการเงินแทบจะเป็นไปไม่ได้
คำตอบสั้นๆ คือติดตามได้ยาก เรียกได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสืบจนเจอเจ้าของที่ทำธุรกรรมทางการเงิน แม้แต่บริษัทที่เชี่ยวชาญทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลบน Blockchain อย่าง Chainanlysis ยังมีรายงานว่า Monero นั้นติดตามได้ยากกว่า Bitcoin
ในบทความนี้เราจะยกตัวอย่างฟังก์ชันหลักๆ ที่ทำให้ Monero มีความเป็นส่วนตัวสูงและติดตามได้ยาก
Ring Signature คือวิธีทาง cryptography ในการซ่อนตัวตนของผู้ส่งในแต่ละธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Blockchain ของ Monero โดยนำ signature ธุรกรรมของเรา ไปรวมกับของคนอื่นเพื่อใช้เป็นตัวล่อ (decoy) ทำให้ digital signature ปนกันและตามไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ส่ง (sender) สร้างความเป็นส่วนตัวให้มากขึ้น
Ring Confidential Transactions หรือ RingCT เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก Ring Signature ในปี 2017 ปิดจุดอ่อนโดยการซ่อนข้อมูลจำนวน XMR ในแต่ละธุรกรรม โดยเรียกการพัฒนานี้ว่า A Multi-layered Linkable Spontaneous Anonymous Group signature
เป็นเทคนิคในการสร้าง random one-time addresses ทำให้คนนอกไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใครทำธุรกรรมอะไร เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ มีเพียงแค่สองคนที่ทำธุรกรรมด้วยกันเท่านั้นที่จะทราบได้ผ่านการใช้ view key ในการพิสูจน์ว่ามีการส่งธุรกรรมแล้วจริงๆ ทำให้ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุมความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเทคนิคหลักๆ ที่ Monero ใช้เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวตั้งแต่ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ยังมีอีกหลายเทคนิคที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา เช่น การเพิ่มจำนวน Ring Signature จาก 11 ไปเป็นมากกว่า 100 Signature เป็นต้น โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของวิธีที่ Monero ใช้ได้ใน Infographic ข้างล่างนี้
Sign in to read unlimited free articles