DAO องค์กรอัตโนมัติ คืออะไร ทำงานอย่างไร ประยุกต์ใช้กับธุรกิจแบบไหนได้บ้าง ? | Techsauce

DAO องค์กรอัตโนมัติ คืออะไร ทำงานอย่างไร ประยุกต์ใช้กับธุรกิจแบบไหนได้บ้าง ?

ถ้าเมืองเมืองหนึ่งที่ประชาชนสามารถบริหารจัดการกันเองได้ ว่าต้องการพัฒนาเมืองอย่างไร โดยที่ไม่ต้องมีผู้แทน อย่างรัฐบาลมาทำหน้าที่อนุมัติงบประมานจัดสรรโครงการต่าง ๆ นี่คงเป็นเมืองในฝันของใครหลาย ๆ คน และแน่นอนด้วยพลังงานอำนาจของเทคโนโลยี Blockchain มันสามารถเกิดขึ้นจริงได้ เพราะในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ DAO องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์  ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนอาจจะได้ยินกันมาสักพักแล้ว แต่เราจะพาไปทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น 

DAO

DAO คืออะไร?

DAO คือ องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ ย่อมาจาก Decentralized Autonomous Organizations เป็นเทคโนโลยีที่ได้มีการพัฒนาต่อยอดมาจากคุณสมบัติสำคัญของ Cryptocurrency นั่นคือ การกระจายอำนาจ ที่ไม่ได้ถูกควบคุม หรือได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลกลางใดๆ แต่จะมีการกระจายระหว่าง Node ต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูง ซึ่งแนวคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 เรียกได้ว่าถือเป็นการประยุกต์ใช้และทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract ให้ก้าวขึ้นอีกขั้นจาก DApp (Decentralize Application) 

กล่าวคือ ธุรกรรมการเงินและเงื่อนไขกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของ DAO จะมีการบันทึกไว้ใน Blockchain ไม่ต้องผ่านบุคคลที่สาม เพราะจะมี Smart Contract ทำให้ธุรกรรมทำได้ง่ายขึ้น ที่จะแสดงถึงกฎเกณฑ์ขององค์กรรวมถึงเป็นที่เก็บข้อมูลขององค์กรด้วย ที่ไม่มีใครสามารถแก้ไขกฎโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น 

DAO เป็นระบบที่เกิดมาจากการที่เหล่านักพัฒนาเชื่อว่าสิ่งนี้จะสามารถขจัดข้อผิดพลาดของมนุษย์ได้ ด้วยการมอบอำนาจการตัดสินใจให้อยู่ในมือของระบบอัตโนมัติและกระบวนการที่มีผู้คนจำนวนมาก ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Ethereum โดย DAO เป็นระบบที่ได้รับการออกแบบให้มีการทำงานแบบอัตโนมัติและกระจายอำนาจ โดยใช้รหัส Open Source และไม่มีโครงสร้างในการจัดการแบบทั่วไป ดังนั้นแม้ว่าจะมีการทำงานบนเครือข่าย Ethereum แต่เพื่อให้สามารถกระจายอำนาจได้อย่างสมบูรณ์ จึงไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด

DAOภาพจาก techbullion

พูดให้เห็นภาพกันง่าย ๆ คือ DAO เป็นระบบที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อที่จะให้นักลงทุนส่งเงินจากที่ไหนก็ได้ในโลกโดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน หลังจากนั้นระบบดังกล่าวก็จะทำการกระจาย Token ให้กับเจ้าของ ซึ่งก็จะทำให้พวกเขาสามารถที่จะมีสิทธิลงคะแนนในโครงการที่เป็นไปได้

สมมติว่า นาย A เป็นนักพัฒนาที่ได้สร้างแพลตฟอร์มซึ่งเป็น DApp ขึ้นมาบนเครือข่าย  Ethereum ต่อมาได้มีการระดมทุนด้วยการขายโทเคน A ให้กับนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งเป็นใครก็ได้ที่เมื่อได้อ่านเอกสาร  Whitepaper โครงการของนาย  A แล้วสนใจ และต้องการลงทุน และได้ทำการซื้อโทเคนเข้ามา เพื่อร่วมเป็นเจ้าของโครงการที่นาย A พัฒนา เมื่อมีการส่งเงินเข้ามา ระบบ DAO จะดำเนินการกระจายเหรียญให้กับนักลงทุนอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องสนใจว่าเขาคือใคร เพราะจะไม่มีการเปิดเผยตัวตน แต่ธุรกรรมทั้งหมดจะถูกบันทึกใน Smart Contract บน Blockchain ซึ่งนั่นก็คือ  Ethereum นั่นเอง ต่อมาเมื่อนาย A ต้องการที่จะพัฒนาต่อยอด หรือมีการเคลื่อนไหวโครงการดังกล่าวอย่างไร นักลงทุนที่ถือเหรียญ A ก็จะมีสิทธิที่จะลงคะแนนโหวตว่าต้องการที่จะให้มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นหรือไม่  สิ่งนี้ คือ การทำงานของ DAO นั่นเอง

DAOภาพจาก dev.to

ความแตกต่างของ DAO จากองค์กรแบบดั้งเดิม 

ต้องบอกว่า DAO เป็นระบบที่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์โดยที่ยังไม่ต้องมีสถานะทางกฎหมายที่จะเข้ามาสนับสนุน รวมถึงมีความเป็นประชาธิปไตยที่สมาชิกทุกคนที่ถือโทเคน ซึ่งได้มาจากตอนที่เปิดระดมทุนจำเป็นที่จะต้องมีส่วนร่วมในการลงคะแนนเสียง ก่อนที่จะนำองค์กรหรือบริษัทไปสู่การเปลี่ยนแปลง ๆ (ขึ้นอยู่กับโครงสร้าง) ซึ่งการทำงานแบบนี้ก็จะแตกต่างจากบริษัทหรือองค์กรทั่วไปอย่างสิ้นเชิงที่ต้องมีทั้งสถานะทางกฎหมาย หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆของบริษัทที่จะขึ้นกับผู้บริหาร คณะกรรมการ หรือนักลงทุน 

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า การดำเนินงานของ DAO นั้นมีความโปร่งใสและเป็นสากล ต่างจากองค์กรหรือบริษัทแบบดั้งเดิมที่จะเป็นแบบส่วนตัว รับรู้ข้อมูลได้เฉพาะภายในองค์กรเท่านั้น 

Use Case ของ DAO ที่เกิดขึ้น

ปัจจุบัน DAO ได้มีการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์หลายรูปแบบด้วยกัน เช่น การลงทุน การกุศล การระดมทุน หรือแม้แต่การซื้อขาย NFT โดยที่ทุกโครงการที่เกิดขึ้นผ่านการใช้ DAO นั้น ทำให้สามารถรับเงินจากที่ไหนก็ได้ทั่วโลก และสมาชิกทุกคนก็มีอำนาจตัดสินใจร่วมกันว่าจะใช้เงินนั้นอย่างไร

หากจะถามว่าแล้วทุกวันนี้ use case ที่เกิดขึ้นจริงอะไรที่เป็น DAO แล้วบ้าง ใกล้ตัวมากที่สุดเลย คือ Bitcoin เพราะมีการทำงานอัตโนมัติและมีการประสานงานกันระหว่าง Protocal ที่เข้ามาร่วม จึงนับว่าเป็น DAO ที่สมบูรณ์ครั้งแรก

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่ทำให้ DAO ในระยะแรกเป็นที่รู้จัก เมื่อเดือนพฤษภาคม 2016 slock.it สตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันที่เปิดตัว โครงการ The DAO บน Ethereum โดยระดมทุนเพื่อนำเงินไปสนับสนุน Airbnb ในรูปแบบกระจายอำนาจ ในขณะนั้นประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Crowdfunding ที่สามารถระดมเงินได้กว่า 150 ล้านเหรียญ แต่ต่อมาด้วย Code ที่อาจจะยังไม่มีความแข็งแรงมากพอสำหรับโครงการใหม่ระยะแรก จึงนำไปสู่การถูกแฮก ที่แฮกเกอร์ดูดเงินจากโครงการนี้ไปได้กว่า 50 ล้านเหรียญ เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ DAO ถูกระงับลง รวมถึงส่วผลกระทบต่อความเชื่อมั่นใน Ethereum ด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ได้มีกลุ่มคนตั้ง DAO ขึ้นมาชื่อว่า ConstitutionDAO เป็นโครงการระดมเงินเพื่อซื้อรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาฉบับพิมพ์ครั้งแรก โดยสามารถระดมเงินได้กว่า 47 ล้านเหรียญได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็พบกับความล้มเหลว เพราะ Sotheby's ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนชนะการประมูลไปแทน 

ยังมีโครงการ DAO อีกแห่งที่น่าสนใจ เรียกว่า LinksDAO ที่ก่อตั้งขึ้น โดยระดมทุนเพื่อซื้อและพัฒนาสนามกอล์ฟของตัวเอง โครงการนี้สามารถระดมทุนได้มากกว่า 10.5 ล้านเหรียญ จากการขาย NFTs ให้กับผู้ที่ต้องการเข้าร่วม ซึ่งเจ้าของ NFTs ก็จะได้รับส่วนแบ่งและสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาโครงการ

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่น่าสนใจไม่น้อย และถือเป็นฝันอันยิ่งใหญ่สำหรับการสร้างเมืองที่ใช้ Blockchain เป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด นั่นคือ CityDAO โครงการสร้างเมืองแบบกระจายอำนาจบน Blockchain เป็น DAO ที่มีสถานะทางกฎหมายใต้ รัฐ Wyoming สหรัฐอเมริกา ซึ่งยอมรับการกำกับดูแล DAO ของบริษัท LLC (บริษัทประเภทนี้สามารถเป็นเจ้าของที่ดินได้)

โดยโครงการนี้เริ่มจากให้ซื้อที่ดินเป็น NFT ในรัฐนี้ และสมาชิกมีสิทธิในที่ดินและการวางผังเมืองด้วยการลงคะแนนสำหรับการพัฒนาโครงการต่าง ๆ บนที่ดินนั้นได้ ซึ่งโครงการ CityDAO นี้คาดหวังว่าในอนาคตจะสามารถซื้อที่ดินได้ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งเขาสนับสนุนแนวคิดในการสร้าง Crypto Cities อยู่แล้วให้ความสนใจด้วย 

สรุป

DAO เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เราสามารถเอาขั้นตอนการทำงานในองค์กรมาเขียนเป็น Code ได้ หรือจะเรียกได้ว่าเป็นการ Tokenize ระบบการปกครองนั่นเอง ที่ทำให้ระบบการทำงานในองค์กรไม่จำเป็นต้องอาศัยความไว้วางใจ ซึ่งกันและกัน แต่ทุกคนสามารถเป็นคนแปลกหน้ากัน เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ ถูกบันทึกไว้โดย Smart Contract ที่ผู้ที่เข้าร่วมจะต้องปฏิบัติตาม เพราะมีความโปร่งใส ที่ควบคุมโดยสมาชิกองค์กร และไม่ได้รับอิทธิพลจากอำนาจส่วนกลาง อีกทั้ง DAO จะทำให้องค์กรสเกลได้ง่ายและตอบสนองผู้ใช้งานได้ดีกว่า องค์กรที่อยู่ภายใต้การปกครองแบบดั้งเดิม

===============================

ในบทความตอนต่อไป เราจะพาไปเจาะลึก และทำความเข้าใจภาพใหญ่ของ DAO ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจแห่งอนาคต รวมถึงความเกี่ยวข้องกับ Metaverse ว่าหากในโลกของ Blockchain นั้น การรวมกันของเทคโนโลยีที่ต่อยอดออกมาอย่าง Crypto DeFi NFT Web3.0 และ DAO นั้น จะสามารถทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่ Metaverse ในรูปแบบใด 

อ้างอิง Investopedia , Forbes, FastCompany , Vitalik.ca , Techbullion , Dev.to




Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เช็คจุดน้ำท่วมเรียลไทม์ ผ่านแอปฯ BMA Traffic น้ำท่วม-รถติด-อุบัติเหตุ ดูได้หมด

BMA Traffic เป็นแอปพลิเคชันที่เราสามารถดูระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถสำรวจพื้นที่น้ำท่วมหรือรถติดผ่านแอปฯ ได้ทันที...

Responsive image

เส้นทางของ Kakao จากสตาร์ทอัพสู่หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลแถวหน้าในอุตสาหกรรมบันเทิง

สตาร์ทอัพที่เริ่มต้นด้วยคนเพียง 2 คน สู่อาณาจักรไอทียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ บทความนี้ Techsauce จะชวนดูความสำเร็จของ ‘Kakao’ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 24.7 ล้านล้านวอน หรือราว 6.7 ...

Responsive image

2024 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยต้องโฟกัสอะไร? รู้จักกลยุทธ์ 2C โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย เจาะปัจจัยหลักที่นักการตลาดดิจิทัลต้องรู้

บทความนี้ Techsauce จึงจะพามารู้จักกับ 2 กุญแจชิ้นสำคัญอย่าง Content & Convenience ที่กุมชะตาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยในยุคดิจิทัล...