ไม่นานมานี้ เราอาจได้ยินข่าวที่รายงานถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะมาจาก Pfizer ที่พบคนแพ้และผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งหลังจากที่ฉีดวัคซีนแล้ว หรือเหตุการณ์ที่คนมีอาการแพ้รุนแรงหลังฉีดวัคซีนของ Moderna ก็ดี ข่าวดังกล่าวก็ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กลับคนทั่วไปจนไม่กล้าจะรับวัคซีน และได้กลายเป็นความท้าทายระดับชาติที่ต้องทำให้ประชาชนราว 70% มีภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 สำหรับคนไทยนั้น รัฐบาลได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนกับทาง AstraZeneca บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ที่ทำวิจัยร่วมกับทางมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ซึ่งก็เป็นหนึ่งในแคนดิเดตรายสำคัญที่ขนส่งวัคซีนโควิด-19 ไปทั่วโลก และได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาจากนานาประเทศเป็นที่เรียบร้อย ต่อให้เป็นวัคซีนที่ผ่านการวิจัยร่วมกับมนุษย์มาหลายครั้ง เราก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า เมื่อนำวัคซีนจาก AstraZeneca มาฉีดจะป้องกันการแพร่ระบาดได้ดีแค่ไหน มีประสิทธิภาพเท่าไร แล้วเกิดผลข้างเคียงอะไรบ้าง
บทความจาก BBC ได้เสนอข้อมูลที่น่าสนใจถึงที่มาของวัคซีน AstraZeneca ทาง AstraZeneca พัฒนาวัคซีนโดยนำไวรัสที่อ่อนแอก็คือ ไวรัสไข้หวัดทั่วไป หรือที่เรียกว่า อะดีโนไวรัส จากลิงชิมแปนซี จากนั้นก็นไวรัสดังกล่าวไปดัดแปลงทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันการขยายตัวในร่างกายมนุษย์ และนำยีนที่ได้จากโปรตีนของไวรัสโคโรนามาใส่ในเชื้อไวรัส เพื่อมาทดลองกับสัตว์และคนจนกระทั่งมั่นใจได้ว่าจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ได้จริง
แม้ว่าวิธีการพัฒนาของวัคซีน AstraZeneca จะแตกต่างจากบริษัท Pfizer และ Moderna ที่อาศัยโปรตีน mRNA ที่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตโปรตีนสู้กับโควิด-19 แต่ผลการวิจัยของ AstraZeneca ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าประสิทธิภาพของการวิจัยระยะสุดท้ายอยู่ในระดับ 62% และงานวิจัยล่าสุดออกมายืนยันแล้วว่าหากฉีด 2 dose จะมีประสิทธิภาพถึง 82%
ในช่วงแรก ประเทศในภูมิภาคยุโรปยังไม่แนะนำให้กลุ่มประชากรที่อายุ 65 ปีขึ้นไปรับการฉีดวัคซีน AstraZeneca โดยรัฐบาลได้อ้างถึงผลวิจัยว่ายังไม่มีน้ำหนักมากพอว่าวัคซีนสามารถป้องกันประชากรกลุ่มนี้ได้
ต่อมารัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศสออกมายืนยันแล้วว่าวัคซีนไม่ส่งผลข้างเคียงหรืออันตรายกับกลุ่มคนเหล่านี้ และทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency, EMA) ได้อนุมัติให้มีการใช้วัคซีน AstraZeneca กับกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยได้แล้วในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา รวมไปถึงองค์การอนามัยโลกได้แนะนำให้ใช้วัคซีน AstraZeneca กับกลุ่มประชากรที่อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป
เบื้องต้นแล้ว ผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนจาก AstraZeneca ก็จะมีอาการเหมือนเวลาฉีดวัคซีนอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ เป็นไข้ รู้สึกหนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือหากคนที่มีอาการแพ้ง่ายก็อาจถึงขั้นเป็นลมหมดสติ หรือเสียชีวิต แต่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ทั้งหมด นี้ยังนับว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพและโรคประจำตัวที่มีอยู่เดิมของแต่ละบุคคล
ในส่วนของข่าวล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากประเทศเดนมาร์ก เอสโตเนีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก และแลตเวีย ที่เป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปได้สั่งระงับการฉีดวัคซีนจาก AstraZeneca ชั่วคราว เนื่องจากพบผู้ได้รับการฉีดยาจำนวนหนึ่งเกิดการแข็งตัวของลิ่มเลือด ส่งผลกระทบให้รัฐบาลไทยเลื่อนกำหนดการฉีดวัคซีนโควิด-19 จาก AstraZeneca ด้วย
อย่างไรก็ดี ทาง EMA ออกมาแถลงการณ์แล้วว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าอาการลิ่มเลือดอุตตันนั้นเกิดจากการใช้วัคซีน AstraZeneca และมองว่าเป็นวัคซีนที่ให้คุณประโยชน์ในการป้องกันไวรัสมากกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่รายงานว่าตนเองเกิดอาการดังกล่าวมีเพียง 30 คน จากชาวยุโรปที่ได้รับวัคซีนทั้งหมด 5 ล้านคน ทั้งประเทศฝรั่งเศส และเยอรมนีก็ได้ยืนยันว่ายังคงใช้วัคซีน AstraZeneca ในการป้องกันโควิด-19 ต่อไป
อ้างอิงจาก bbc
Sign in to read unlimited free articles