กลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม VinGroup Joint Stock Company (Vingroup JSC) กำลังเจรจาหารือกันเพื่อขายหุ้นใน Vincom Retail ที่พัฒนาเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าในเวียดนาม รายงานจาก Reuters เมื่อวันที่ 29 มีนาคม
Vincom Retail ผู้ประกอบการศูนย์การค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามโดยในตอนนี้มี Vingroup ถือหุ้นกว่า 60% มีมูลค่าทางการตลาดถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์
มีรายงานว่า Central Group ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของไทยก็กำลังเจรจาเข้าซื้อหุ้นใน Vincom Retail ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งสองยังคงปฏิเสธในประเด็นดังกล่าวอยู่
ซึ่ง Central Group ได้เข้าไปประกอบธุรกิจในเวียดนามผ่าน Central Retail ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555
โดยเริ่มจากการเป็นผู้จัดจำหน่าย แบรนด์สินค้าแฟชั่น ซึ่งสร้างรายได้ราว 300 ล้านบาทในปี 2557 จนถึงก้าวสำคัญในปี 2558 ที่เราเข้าร่วมทุนกับเหงียนคิม และลานชี มาร์ท ทำให้ Central Retail เวียดนามในขณะนั้นมีร้านค้า 85 แห่ง ใน 15 จังหวัด และมีพื้นที่ขายสุทธิอยู่ที่ 170,000 ตร.ม. พร้อมขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง ในปี 2562 สามารถ สร้างรายได้ถึง 37,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน Central Retail เวียดนาม มีจำนวนศูนย์การค้าทั้งสิ้น 35 แห่ง ร้านค้ามากกว่า 230 แห่ง ครอบคลุม 39 จังหวัด จาก 63 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ Food, ธุรกิจ Non-Food และธุรกิจ Property
มีรายงานต่อว่า VinGroup สามารถขายหุ้นได้ แต่ยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย และการเจรจาหารือกับผู้ลงทุนหรือกลุ่มทุนยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะหาข้อสรุปได้ แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจเป็นดีลแบบ M&A (Merger & Acquisition)ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
การเจรจาเกิดขึ้นในขณะที่ Vingroup ซึ่งมีธุรกิจกระจายอยู่ทั่วอสังหาริมทรัพย์, รีสอร์ทและรถยนต์ กำลังเทเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่บริษัทกำลังเร่งพัฒนา VinFast ซึ่งเป็น ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งบริษัท และขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
ในเดือนนี้ VinFast ส่งมอบรถยนต์ 45 คันแรกให้กับลูกค้าในแคลิฟอร์เนียในการขายครั้งแรกนอก ประเทศเวียดนาม บรรลุข้อตกลงระยะเวลา 5 ปีเพื่อพัฒนาศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ ในประเทศกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับตลาดในอเมริกาเหนือและยุโรป
Vincom Retail เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าถึง 83 แห่งในเวียดนาม ทำให้ GDP ในประเทศเติบโตกว่า 8% ในปีที่แล้ว และกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 11% จนถึงปีนี้ หากเทียบกับดัชนีหุ้นมาตรฐาน (.VNI) ถือว่าเพิ่มขึ้น 5%
ที่มา : Reuters และ Central Group
Sign in to read unlimited free articles