รายงาน Top 75 FinTechs in Southeast Asia ที่ Techsauce ได้จัดทำนั้น ช่วยให้คุณได้รู้จักกับเหล่าฟินเทคที่กำลังไปได้สวยในภูมิภาค และอาจเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับคุณ แต่อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเป็นฟินเทคเองก็ไม่ได้สวยหรู คุณอาจมีสุดยอดกลยุทธ์ หรือสามารถรวบรวมทีมและก่อตั้ง ธุรกิจ Startup ขึ้นมาได้  แต่นี่คือ 9 จุดที่หลายคนก้าวพลาดซึ่งคุณควรหลีกเลี่ยงให้ห่าง ถ้าต้องการก้าวต่อไปในวงการ FinTech Startup โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หมายเหตุ เนื้อหาในบทความนี้เคยถูกเผยแพร่ครั้งแรกใน fintechnews.sg ซึ่งบทความต้นฉบับได้สูญหายไป แต่ทีมงานได้นำข้อมูลมาแปลและเรียบเรียงใหม่เป็นดังนี้

1.ไม่พิจารณาถึงใบอนุญาตที่เหมาะสม

คุณคิดว่าคุณเป็นบริษัทเทคโนโลยี เป็นแค่กลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อเขียนโปรแกรม  อย่างไรก็ตาม หากว่าโฟกัสของคุณคือการทำธุรกิจเพื่อลูกค้าหรือผู้บริโภค  ก็เป็นไปได้ว่าคุณอาจจำเป็นต้องมีใบอนุญาต เฉพาะบางประเภท  และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ Fintech Startup ส่วนใหญ่ล้มไม่เป็นท่า

เรื่องนี้คุณควรพูดคุยกับหน่วยงานควบคุมในพื้นที่ให้กระจ่าง  ธุรกิจ Startup จำนวนมากต้องสะดุด เนื่องจากมองข้ามความรัดกุมในการจัดการซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องมีในวงการอุตสาหกรรมที่มีการเงินเข้ามาเกี่ยว  จงศึกษาให้มั่นใจว่าคุณเข้าใจกฎหมายการดำเนินงานและการขอใบอนุญาตต่างๆ เป็นอย่างดีก่อนจะเริ่มทำ ธุรกิจ  พยายามอย่าอายและเดินหน้าเข้าหาหน่วยงานกฎหมายที่เกี่ยวข้องและถามคำถามที่คุณจำเป็นต้องรู้

2. การละเลยความเป็นปึกแผ่นขององค์กร

นี่อาจเป็นปัญหาร้ายแรงที่สุดหากคนในทีมของคุณทำงานร่วมกันไม่ได้  หรือไม่สามารถแสดงให้เห็น ถึงความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกันในอนาคตได้  การที่คุณล่าช้าในการจัดหาฝ่ายประสานงาน  รวมถึงการรีรอ ที่จะร่างคู่มือแนวทางการทำงานที่ทุกคนยอมรับและยึดถือเพื่อความเป็นปึกแผ่น...จุดจบอาจเป็นการเจ๊ง

จงฉลาดและมุ่งสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวในองค์กรอยู่เสมอ — ทั้งนี้รวมไปถึงเรื่องใดๆ ก็ตาม ที่มีความเกี่ยวข้องกับมาตรฐาน AML/KYC (มาตรการป้องกันการฟอกเงิน/การรู้จักลูกค้า) ด้วย

3. ไอเดียไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด

เมื่อใดที่คุณเจอไอเดียที่ทุกอย่างดูง่ายและลงตัว ให้ลองคิดถึงความเป็นไปได้อีกสองข้อคือ

ก) ตอนนี้อาจมีสถาบันการเงินสักแห่ง ที่มีนวัตกรรมที่ใกล้เคียงกันได้อยู่ในพอร์ตจดลิขสิทธิ์ของพวกเขาแล้ว และ ข) เทคโนโลยีของคุณสามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ โดยใครก็ได้โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงมากเลย

จริงอยู่ที่โลกของ Startup การมีไอเดียที่ดีเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่หากคุณวางแผนปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงแต่ไอเดียของตัวเองเพียงอย่างเดียว  คุณจะเจอกับความยุ่งยากอยู่ร่ำไป

4. คิดว่ากฎเกณฑ์ในการก่อตั้ง Fintech Startup ไม่ต่างจากการก่อตั้งธุรกิจ Startup อื่นๆ ทั่วไป

เรื่องของเงินเป็นเรื่องประหลาด  ผู้คนคิดถึงเงินและการใช้จ่ายกันอยู่ตลอดเวลา  แต่ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีการเงินกลับไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาเท่ากลุ่มสังคมตามอัธยาศัย เพื่อน หรือสิ่งเร้าอื่นๆ ที่พวกเขามักนึกถึงมากกว่า  ดังนั้นหากคุณคิดจะนำหลักเกณฑ์การเจาะตลาดหรือไต่ระดับแบบเดียวกับธุรกิจ อื่นในแวดวงเทคโนโลยีมาใช้กับธุรกิจ Fintech Startup…จงทบทวนใหม่ซะ

ฝึกตีกรอบความคิดของคุณให้โฟกัสอยู่ที่เงิน, เครดิต, เงินทุนสำรอง, เงินผ่อน ไม่ว่าจะในระดับราย บุคคลหรือระดับสถาบัน  แล้วคุณจะอยู่ในจุดแห่งอุดมคติ  ธุรกิจหน้าใหม่ส่วนใหญ่ที่ไม่จริงจังกับการฝึกฝน จำกัดกรอบความคิดแบบนี้แทบจะต้องพบกับจุดจบกันทั้งนั้น  แถมยังต้องอึ้งเมื่อพบว่าการดำเนินงานจริง ทำให้พวกเขาค่อยๆ เสียจุดยืนเดิมที่วางไว้ไปอย่างรวดเร็วแค่ไหน  ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้ารายย่อย ที่มีค่าใช้จ่ายเยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนแรกมาก  หรือการยื่นข้อเสนอกับสถาบันการเงินที่ต้องใช้เวลานาน กว่าที่ประมาณการณ์ไว้

5. ธุรกิจเงินผ่อนคือของง่าย = การมองโลกในแง่ดีที่ผิดของ Fintech Startup

เงินผ่อน (Lending) คือธุรกิจเกี่ยวกับการเงินที่เข้าสู่ตลาดได้ง่ายที่สุด  แต่ยากที่สุดที่จะอยู่ให้ตลอดรอดฝั่ง  บริษัทใหม่ๆ จำนวนมากสับสนว่าความง่ายในการเข้าถึงของมันหมายถึงความง่ายในการก้าวหน้า  และผล ที่ตามมาคือธุรกิจหน้าใหม่จำนวนมากต้องล้มหายตายจากไป  เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่ยื่นข้อเสนอต่อลูกค้าได้ ยากมากไม่ว่าในวงการใด  คุณจึงอาจจำเป็นต้องยื่นข้อเสนอจำนวนมากกับหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า (ทั้งรายย่อยและในรูปขององค์กร), ผู้ค้า, ผู้ดำเนินการ, ธนาคาร, หรือผู้วางระบบ  ดังนั้นควรเตรียมพร้อมไว้ จะดีกว่าเพื่อให้แน่ใจว่า Fintech Startup ของคุณจะไม่ล่ม

6. คิดว่าการแข่งขันด้วยราคาจะทำให้ชนะสงคราม

บริษัทหน้าใหม่จำนวนมากคิดกลยุทธ์ที่จะไต่สู่ความสำเร็จโดยการนำเสนอสินค้าหรือบริการทาง การเงินซึ่งดีกว่านิดหน่อยในเชิงนวัตกรรมด้วยราคาที่ถูกกว่า  ธุรกิจเงินผ่อนหน้าใหม่รวมถึงบริการหุ่นยนต์ ที่ปรึกษาทั้งหลายคือตัวอย่างชั้นดีของความอหังการนั้น  หากคุณเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าสถาบันการเงิน ใหญ่ๆ แทบทุกแห่งมีกรอบโฟกัสขนาดมหึมาในตลาด  คุณจะถูกล้างบางเมื่อสุดท้ายสถาบันเหล่านั้นเดินเกม โดยไม่มีความลังเลเพื่อแข่งขันตัดราคาในตลาดเดียวกับคุณ  จงฉลาด — หาความแตกต่างที่แท้จริงให้เจอ  เพราะสิ่งที่จะทำให้ Fintech Startup อยู่ยั้งยืนยงและเอาชนะการแข่งขันทางราคาได้ง่ายที่สุดก็คือ นวัตกรรมที่ “เหนือกว่า” อย่างแท้จริงนั่นเอ

7. ละเลยต่อความถูกต้องตามกฎหมาย

สถาบันการเงินนั้นถือได้ว่าเข้มงวดสุดๆ เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโลกแห่งกฎหมาย  มีหลายอย่าง ที่ต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในตลาดทุน กฏหมายความปลอดภัยของผู้กู้ยืม หรือกฏหมายความปลอดภัยเมื่อเชื่อมต่อกับข้อมูลส่วนบุคคล

ใครๆ ก็สามารถกุเรื่องที่จะทำให้องค์กรของคุณต้องสะดุดกึกขึ้นมาได้อีกมากมาย  จงทำยังไงก็ได้ ให้มั่นใจว่าคุณมีความรู้ทางกฎหมายที่ครอบคลุมพอสำหรับธุรกิจ  ขณะที่วางกลยุทธ์เพื่อไปสู่ความสำเร็จ  การละเลยต่อความถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้ Fintech Startup  ล้มเหลว

ตัวอย่าง

PayAll ประกอบธุรกิจ e-Money โดยไม่ได้รับอนุญาต ธปท. เข้าดำเนินคดี

8. ไม่โฟกัสที่วงจรของธุรกิจ

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะหดหรือขยายตัวก็ส่งผลต่อธุรกิจทั้งนั้น  เราควรยกตัวอย่างเรื่องของธุรกิจสินเชื่อ ทางเลือกเพื่อเป็นกรณีศึกษากันสักหน่อย  ในกรณีที่สถาบันการเงินที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อทางเลือกวางแผน ดำเนินงานโดยอ้างอิงจากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำและอัตราของผู้ผิดสัญญาเงินกู้เป็นหลัก สถาบันการเงิน ดังกล่าวจะต้องช็อคอย่างรุนแรงเมื่อต้นทุนสินเชื่อเริ่มพุ่งสูงขึ้น

ในการวางกลยุทธ์การดำเนินงานในวงการ Fintech โดยมองแค่สภาวะปัจจุบันของวงจรธุรกิจถือ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาด  จงคำนึงถึงภาวะถดถอยของเครดิต  คำนึงถึงวงจรต้นทุนของสินเชื่อ พิจารณาแนวทางทาง การเงินให้ดี แล้วจึงค่อยเริ่มจัดการสถานการณ์

9. อย่าละเลย Content Marketing เด็ดขาด

มีเหตุผลแน่นหนาหลายข้อที่ยืนยันว่าทำไมการโฆษณา (โดยเฉพาะการโปรโมทคอนเทนท์) ถึงเป็น สัญญาณที่ดีของบริษัท Fintech ใหม่ๆ  นอกจากมีไอเดียธุรกิจที่สร้างสรรค์แล้วเรื่องราวความเป็นมาของคุณ ก็ควรถูกเล่าออกมาอย่างดีไม่แพ้กันด้วย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่การโฆษณามีแนวทางที่สับสนมากขึ้น  แม้จะเทียบกับช่วงเวลาใกล้ๆ เพียง 5 ปีก่อนหน้าก็ตาม

ธุรกิจใหม่ต้องการกระบวนการดำเนินงานที่เหมาะสมไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ  เงินทุกบาทที่ลงทุน เพื่อการเปิดตัวครั้งสำคัญต้องให้ผลคืนมาในสามแง่ ได้แก่

ก) การยอมรับของตลาด/ดึงผู้สนับสนุนเบื้องต้นเข้ามาสู่องค์กร

ข) สร้างภาวะความเป็นผู้นำในตลาด

ค) แนวร่มที่มีศักยภาพ/ตัวแทน

คุณต้องมีลูกค้า  และการเปิดตัวที่ดีและรวดเร็วนี่เองจะช่วยดึงพวกเขาเข้ามา (และรักษาไว้) ในอัตรา ที่เร็วพอให้คุณสามารถไต่ระดับและพัฒนาธุรกิจได้  ถึงแม้จะเป็นแค่ธุรกิจ Startup ที่มีเงินให้วางแผนใช้จ่าย ไม่มากนัก  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถทำโฆษณาที่ดีได้  เริ่มจากสิ่งที่คุณมีและสิ่งที่คุณรู้  เช่น การเขียนบล็อกขององค์กร หรือการเข้าไปโพสถามตอบในเว็บ Quora  การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง คือการลงทุนที่ดีที่สุดที่ Startup จะทำได้  และการแสดงตัวตนผ่านคอนเทนท์นี้เองคือสิ่งที่จะช่วยสร้างเสริม ภาพลักษณ์ขององค์กร การละเลยต่อการตลาดเชิงคอนเทนท์คือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจ Startup ส่วนใหญ่ล้มเหลว  เนื่องจากพวกเขาใช้เงินไปกับกลยุทธ์การตลาดที่ล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ

ข้อสรุป

ทำงานที่คุณต้องทำให้เสร็จ  โฟกัสให้ถูกจุด  มองหาผู้ช่วยชี้แนะแนวทางจากสำนักงานกฎหมาย ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับกฎหมายการดำเนินการทางการเงินมานานพอ  ใส่ใจงานบริหารและการประสาน งานเพื่อสร้างองค์กรให้เป็นปึกแผ่น  เริ่มมองและร่างรายชื่อผู้ที่คุณอยากร่วมงานด้วยแต่เนิ่นๆ ใช้ประโยชน์ จากความรู้ของผู้เชี่ยวชาญและเอาคำแนะนำของพวกเขามาปรับสร้างกลยุทธ์ในการทำข้อเสนอหรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ  และที่สำคัญที่สุด..จงอย่าลืมว่าการดำเนินงานของธุรกิจ Fintech ค่อนข้างต่างจากธุรกิจทั่วๆ ไป

แจ้งข่าวจาก Techsauce

งานใหญ่ของเรา Techsauce Global Summit 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม มี FinTech เป็นหัวข้อสำคัญภายในงานอย่างแน่นอน ขณะนี้รายชื่อ Speakers ล็อตแรกที่ได้ประกาศออกมา ก็พาชาว FinTech มาจัดเต็มแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Sheel Mohnot พาร์ทเนอร์ของ 500 Startups, FinTech หรือ Varun Mittal ที่ดูแลเรื่อง FinTech ให้กับ EY รับรองว่ามางานในครั้งนี้ คุณจะไม่พลาดเรียนรู้อะไรดีๆ กลับไปเพิ่มเติม

ขณะนี้เราได้เปิดจำหน่ายบัตร รวมถึงได้เปิดให้จองบูธ Startup เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่หน้า ticketing เราขอแนะนำให้คุณรีบจองก่อนที่ราคาจะเปลี่ยนแปลง หรือก่อนที่โควต้าจะหมด