T2P ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและให้บริการด้านฟินเทค (FinTech) หรือ เทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ และผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน DeepPocket มีการแถลงข่าวได้รับเงินทุนจาก 3 นักลงทุนได้แก่ กลุ่มเบญจจินดา, 500 Statups และ 500 TukTuks เป้าหมายคือจะเอามาพัฒนาและดูในเรื่องการตลาดและขยายธุรกิจให้โตขึ้น การแถลงข่าวเกิดขึ้นในงาน Startup Thailand 2016

คุณทวีชัย ภูรีทิพย์ ประธานบริหาร บริษัท ทีทูพี จำกัด ได้พูดถึงที่มาที่ไปก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้ว่า บริษัทได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2554 เริ่มต้นด้วยการพัฒนาระบบ Cash Card, Loyalty Card ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ของไทย มีผู้ใช้งานจากองค์กรใหญ่ๆ มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีผู้ใช้งานกว่า 1,000,000 คน และให้บริการองค์กรมากกว่า 1,500 ร้านค้า

และต่อมาได้เริ่มทำและเปิดตัว DeepPocket โมบายล์แอปพลิเคชันสำหับ e-wallet หรือกระเป๋าเงินอิเลคโทรนิก ที่สามมารถนำไปชำระค่าสินค้าและบริการแทนเงินสดผ่านโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมทั้งการเติมเงินผ่านทางร้านค้าทั่วไปของไฮเปอร์มาร์เก็ต

ทาง T2P มองว่าการจะเปิดตัว DeepPocket โดยเป็นการให้บริการทั้ง B2B และ B2C โดย B2B จะให้บริการทางด้าน e-Wallet ที่ให้บริการแล้วอย่าง Central Restaurant Group เช่น KFC, Pizzahut, Misterdonuts ส่วน B2C จะอยู่ในชื่อของ DeepPocket โดยเป็นบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีจุดเด่นในด้าน Social e-Wallet

ที่ถือว่าเป็น Consumer Product เลยมีการคิดที่จะขอเงินทุนเพื่อมาใช้ในเรื่องการตลาด ซึ่งก็ได้คุยกับหลายกลุ่ม และก็มาลงเอยที่ กลุ่มเบญจจินดา โดยคุยกันแล้วพบว่ามีอะไรที่คล้ายๆ กัน มีวิสัยทัศน์ที่คล้ายคลึงกัน รวมไปถึงทางกลุ่มเองมีบริษัทและบริการที่จะสามารถเข้ามาเสริมความแกร่งให้กับ T2P ได้ และเราก็มาเจอกับทาง 500 ซึ่งเป็นกองทุนที่เท่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเวลานี้ โดยทั้ง 500 Startups และ 500 TukTuks เข้ามาร่วมลงทุนกับเราอีกด้วย

กลุ่มเบญจจินดา โดยคุณพงษกร เบญจรงคกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบญจจินดา โฮลดิ้ง จำกัด ได้พูดถึงการลงทุนในครั้งนี้ว่า มองเรื่องนวัตกรรมของ T2P ที่เราสามารถมีบัตรเครดิตได้ผ่านแอปพลิเคชัน อีกอย่างคือ ผู้บริการคุยแล้วเข้าใจกัน

และคุณกระทิง พูนผล ผู้จัดการกองทุน 500 ตุ๊กตุ๊กส์ มองเทรนด์เรื่อง FinTech ที่มันมาตั้งแต่ต้นปี 2015 และใน Port การลงทุนของเรา FinTech ถือว่ามี Port ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว บางตัวมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท จนทำให้ 500 ต้องเปิดกองทุนแยกออกมา พอเราได้คุยกับทีม T2P สิ่งแรกที่เราเจอเหมือนเป็นรักแรกพบ ถ้าภาษา Startup จะเรียกว่า Bad Ass Team เป็นทีมที่สามารถอธิบายได้ทุกอย่างว่าเขามีกระบวนการคิดอย่างไร เข้าใจตลาดว่าเป็นอย่างไร และมีประสบการณ์ในเรื่อง FinTech มาอย่างโชกโชน มีความเชี่ยวชาญในเชิงลึกและมีนวัตกรรมจริงๆ การลงทุนเราใช้เวลาในการคิดแทบจะเร็วที่สุดเท่าที่เคยลงทุนมา รวมทั้งตอนเราส่งไปที่ 500 Startups ทาง Dave ถามกลับมาว่ายังมีที่ว่างเหลือให้ลงทุนไหม เพราะ Global จะลงทุนด้วย ซึ่งทำให้เป็นทีมแรกในเมืองไทยที่ Global ลงทุนด้วย

สำหรับเงินทุนที่ได้รับจะเอามาช่วยในการขยายตลาดให้โตขึ้น ซึ่งไม่ได้มองการโตที่ไทยเพียงอย่างเดียว เพราะทาง T2P สามารถเอาโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีไปขยายในต่างประเทศได้ โดยเฉพาะการเข้ามาตอบรับกับกระแสด้าน FinTech ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ด้วย

ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้บริการ DeepPocket อยู่ราว 70,000 ราย และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีแรก เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 100% ต่อปี และความคาดหวังหลังจากการได้รับเงินทุนในปีนี้ จะมีรายได้เริ่มขึ้น 300%

Techsauce ขอแสดงความยินดีกับ T2P และการลงทุนของพันธมิตรครั้งนี้ด้วยครับ