หลาย ๆ ท่านคงอาจจะเห็นข่าวประจำวันเกี่ยวกับผู้บริหารของบริษัทข้ามชาติและบริษัทขนาดใหญ่หลาย ๆ รายเริ่มใช้มาตรการลดเงินเดือน ลดต้นทุนด้านต่าง ๆ และลดการจ้างงานผ่านตามาบ้างแล้ว และอย่างที่ผู้อ่านอาจจะทราบกันมาบ้างแล้วว่าธุรกิจ Startup และ SME ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกของเรานั้นมีอัตราการเติบโตที่ถือว่าค่อนข้างสูงมากใน 5 ปีที่ผ่านมา ทว่าภายใต้สภาวะเช่นนี้ธุรกิจเหล่านี้ควรจะทำอย่างไรในการประคับประคองให้ธุรกิจนั้นเดินหน้าต่อไปได้
ท่ามกลางการถดถอยทั่วโลกจากการระบาด COVID-19 ทำให้เกิดคำถามว่า Startup จะทำอย่างไรภายใต้สภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้ก่อตั้งบริษัท Startup จาก SEA Founders 21 ท่านได้มาพูดคุยผ่านแอปพลิเคชัน Zoom ว่าด้วยเรื่องสถานการณ์ในปัจจุบันและวิธีการแก้ไข้ปัญหาที่จะช่วยให้ Startup เหล่านี้ผ่านช่วงเวลาที่แสนลำบากนี้ไปได้ ซึ่งการพูดคุยในครั้งนี้นั้นนำโดย Anna Gong จาก Perx Technologies และ Suresh V Shankar จาก Crayon Data
Source: SeedlyReads
การ ‘รักษา’ บริษัทให้คงอยู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ Startup
เราอาจจะเห็นมาตรการที่รัฐบาลทั่วโลกนั้นเร่งออกมาเพื่อตอบรับต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุก ๆ วัน และในขณะนี้มันก็อาจจะดูเหมือนว่าเรากำลังอยู่ในช่วงขาลง ก่อนที่จะเข้าสู่การถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ
ข้อกังวล 3 อันดับแรกจาก Startup:
- รายได้ที่ล่าช้า (เนื่องจากลูกค้าเลื่อนกำหนดการชำระเงินออกไป)
- ความต้องการในการลดอัตราการเผาเงินทุนและการเพิ่มกระแสเงินสดอย่างเร่งด่วน
- ไม่สามารถที่จะเดินทางและทำธุรกิจนอกประเทศ
โอกาส 3 อันดับแรกสำหรับ Startup:
- โอกาสในการปรับต้นทุนให้เหมาะสมและกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็น
- โอกาสในการปรับเปลี่ยนความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
- โอกาสที่คู่แข่งจะปิดตัวลง
5 ประเด็นสำคัญ ข้อกังวลและแนวทางแก้ไข
5 ประเด็นสำคัญทางด้านล่างนี้เป็นแผนการหลักที่ได้มาจากการพูดคุยของผู้ก่อตั้งบริษัทหลาย ๆ ท่าน ซึ่งแผนการและข้อแนะนำเหล่านี้จะถูกนำไปดำเนินการใช้และปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบริษัท
Source: SeedlyReads
ประเด็นที่ 1: รายได้ (Revenue)
ข้อกังวล:
- ระยะการขายที่ยาวขึ้น
- ระยะการต่อรองมากขึ้น (จากการขยายระยะการขาย) และการลดราคาที่มากขึ้น
- ข้อตกลงทางธุรกิจและการซื้อขายอาจล่าช้าลงและถูกยกเลิก
- บริษัทต้องการช่องทางในการหารายได้ที่มากขึ้น
- บริษัทไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบต่อรายได้ที่จะเกิดขึ้น
- บริษัทไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศเพื่อปิดการซื้อขาย
แนวทางแก้ไข:
- ลดขนาดของโปรเจคลงเพื่อลดระยะการขาย
- เพิ่มความสำเร็จของลูกค้า (Customer Success) เพื่อที่จะขายสินค้าแบบ cross-sell และ upsell ให้กับลูกค้าที่มีอยู่
- เข้าร่วมการทำธุรกิจเชิงกลยุทธ์กับคู่ค้า เพื่อเปิดช่องทางการหารายได้ใหม่ ๆ
- เสนอส่วนลดสำหรับลูกค้าที่จ่ายเงินก่อนกำหนด
- ควรหารายได้จากช่องทางใหม่ ๆ
- ควรมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจที่มีส่วนต่างทางกำไรที่มากกว่า
- ปรับเปลี่ยนสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาด
- ขยายและกระจายขอบข่ายของการขายสินค้าและบริการ
- ปรับเปลี่ยนสินค้าจากสินค้าที่ ‘ควรจะมี’ มาเป็นสิ่งที่ ‘จำเป็นต้องมี’
ประเด็นที่ 2: กระแสเงินสด (Cashflow)
ข้อกังวล:
- การชำระเงินที่ช้าลงจากลูกค้า
- การลดลงของกระแสเงินสด
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) สูง
- อัตราการเผาเงินทุนที่สูงขึ้นภายใต้วิกฤติ
- ทำอย่างไรที่จะปรับเปลี่ยนและลดรายจ่ายลง?
แนวทางแก้ไข:
- เจรจาการระดมทุนระหว่างรอบ (Bridge Round) กับ VC (Venture Capital)
- กู้เงินสนับสนุนจากรัฐผ่านทางธนาคาร
- กระตือรือร้นในการเรียกเก็บเงินที่ยังค้างอยู่
- เจรจาต่อรองการชำระเงินกู้ที่มีอยู่กับธนาคาร
- หยุดการว่าจ้างเพิ่มชั่วคราว
- ลดต้นทุนด้านการโฆษณา การใช้จ่าย และเงินเดือน
ประเด็นที่ 3: ต้นทุน (Costs)
ข้องกังวล:
- จะลดต้นทุนอย่างไรไม่ให้กระทบต่อการผลิต?
- ค่าใช้จ่ายในด้านของพนักงานและเทคโนโลยีที่สูง
- จะลดการใช้จ่ายเงินอย่างไรในเมื่อยังมีงานที่ต้องดำเนินต่อให้สำเร็จ?
- จะประหยัดเงินอย่างไรเมื่อค่าใช้จ่ายส่วนมากนั้นคือค่าจ้างของพนักงาน?
แนวทางแก้ไข:
- เจรจาต่อรองค่าเช่า
- เจรจากับผู้ขายเพื่อที่ขอลดราคา
- ลดงบประมาณในการทำ digital marketing
- ตัดการใช้จ่ายที่ไม่สำคัญออก
- หยุดการว่าจ้างเพิ่มชั่วคราว
- การแบ่งจ่ายเงินเดือน
- การเลื่อนการจ่ายเงินเดือน
- การลดเงินเดือนและผลประโยชน์อื่น ๆ ของพนักงานชั่วคราว
ประเด็นที่ 4: พนักงาน (Employees)
ข้อกังวล:
- จะรักษาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานอย่างไรภายใต้มาตรการ work from home?
- พนักงานอาจมองหาตัวเลือกอื่นเนื่องจากความไม่แน่นอนของบริษัทในอนาคต
- กำลังใจของพนักงานลดลงจากการยกเลิกการว่าจ้างและการลดเงินเดือน
- จะสื่อสารกับพนักงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายอย่างไรให้ถูกต้อง?
แนวทางแก้ไข:
- ใช้วิธี work from home สำหรับพนักงานที่ใช้ขนส่งสาธารณะ
- ใช้วิธีการรายงานรายวันเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานที่ work from home นั้นปฏิบัติงานตามหน้าที่
- สื่อสารให้มากที่สุดและพร้อมในการตอบคำถามจากพนักงานอยู่ตลอด
- ใช้มาตรการที่ให้พนักงานที่ไม่ได้แสดงผลงานมากนักนั้นทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์
ประเด็นที่ 5: การระดมและผู้ลงทุน (Funding & Investors)
ข้อกังวล:
- ผู้ลงทุนนั้นกำลังเสาะหาสิ่งใหม่ ๆ ในช่วงเวลาวิกฤตินี้หรือไม่?
- VC ไหนที่ยังมีความแข็งแกร่งและเหมาะต่อการลงทุน?
- ควรที่จะระดมทุนจากนักลงทุนที่มีอยู่แล้วหรือไม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่จำเป็นในขณะนี้
- ไม่สามารถคาดการณ์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนได้
- นักลุงทุนขอแผนการระยะยาว ซึ่งเราไม่สามารถทำได้ในตอนนี้เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เช่น การวางแผนสถานการณ์ใน 30, 60 และ 90 วัน หรือใน 6, 12 และ 24 เดือน
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ลดลง
- ความล่าช้าในการรับเงินสนับสนุน
แนวทางแก้ไข:
- การพูดคุยแบบ 1 ต่อ 1 กับนักลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่นใจและทำความเข้าใจให้ตรงกัน
- แสดงถึงการเตรียมพร้อมและมาตรการในการรับมือต่อวิกฤติ
- เจรจากับนักลงทุนให้มีการระดมทุนในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4
- ทางรัฐบาลควรมีมาตรการให้เงินกู้กับธุรกิจที่ประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ
แน่นอนว่าจากวิกฤติการระบาดของ COVID-19 ในครั้งนี้จะนำพวกเราทุกคนเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ดังนั้นข้อกังวลและข้อแนะนำทางด้านบนนั้นเป็นเพียงตัวเลือกให้บริษัทนั้นนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ของแต่ละบริษัท อย่างไรก็ตามแต่ ยังคงมีบางคำถามที่ซึ่งใน ณ ขณะนี้ยังคงไม่มีใครให้คำตอบได้ เช่น วิกฤตครั้งนี้จะยาวนานถึงเมื่อไหร่? จะใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะจัดการทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิม? และจะจัดการยังไงหากวิกฤติในครั้งนี้นั้นยืดเยื้อมากกว่า 12 เดือน? ดังนั้นการที่บริษัทต่าง ๆ จะทำการตั้งรับเตรียมพร้อมสำหรับผลกระทบที่เลวร้ายที่สุด รวมถึงการวางแผนในระยะยาวไว้ก่อนอาจจะเป็นการดีที่สุดในวิกฤติการณ์เช่นนี้