ปัจจุบันทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน รวมถึงภาคการศึกษากำลังผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ Digital Economy ซึ่งเทคโนโลยี Internet of Thing (IoT) นับเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่หลายภาคส่วนกำลังจับตามอง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในบ้านเรือน หรือ Smart Home Technology

วันนี้ Techsauce ได้สรุปโอกาสของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก และ การขับเคลื่อน Digital Economy ด้วยเทคโนโลยี Smart Home พร้อมศึกษามาตรฐานระดับโลก ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ไทยสามารถสร้างพื้นที่และประสบความสำเร็จบนเวทีโลกได้ 

อีกทั้งรู้จัก “Mind” เทคโนโลยี Smart Home ฝีมือคนไทยที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จาก Session “Don't Mind The Technology, Mind The Opportunities - Driving Thailand's Digital Economy with Smart Home Technology” จากงาน Techsauce Global Summit 2023 โดยคุณอภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer , SCG และคุณนันทพัชร์ ศรีสุวรรณ Head of Sales and Marketing, SCG 

การสร้างเทคโนโลยี ต้องไม่เริ่มจาก “เทคโนโลยี” แต่เริ่มที่ “คุณค่า”

แม้ว่าในยุคนี้การใช้ Smart Home จะเป็นที่แพร่หลาย แต่จากการศึกษา Customer Insight พบว่าผู้ใช้ Smart Home ปัจจุบันประสบปัญหาการใช้งานที่ซับซ้อน ใช้งานยาก ระบบรวน และไม่ค่อยได้ใช้จริง 

ส่วนคนที่ยังไม่เคยใช้งานจริงคิดว่า Smart Home ดูเข้าใจยาก เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น และถึงไม่มีก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากการที่พวกเขาไม่เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของ Smart Home โดยคุณอภิรัตน์ ได้เล่าว่า “วิธีการแก้ pain point เหล่านี้ต้องเริ่มที่การเข้าใจคุณค่าที่แท้จริงของลูกค้า และสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าใจ ไม่ใช่การเริ่มจากเทคโนโลยี” 

จากวิสัยทัศน์สู่ “mind” หนึ่งในเทคโนโลยีฝีมือคนไทย

ด้วยวิสัยทัศน์ของ SCG Digital Office ที่จะสร้างนวัตกรรมโดยคนไทยเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยจาก user economy เป็น maker economy ประกอบกับการเติบโตของ IoT และความต้องการสะท้อนคุณค่าที่แท้จริงของ Smart Home เพื่อแก้ pain point ที่ลูกค้าไม่เข้าใจคุณค่าของเทคโนโลยีนี้ 

ทางทีมจึงได้แรงบันดาลใจในการพัฒนา “มายด์ (mind)” Smart Home Solution ให้มีความเป็น Lazy Friendly Technology ใช้งานง่ายตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยาก ซับซ้อน และยังสับสนกับการตั้งค่าอุปกรณ์เองเพราะมี “Sommelier of Smart Home Solutions” ทีมงานมืออาชีพที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยที่รู้ใจลูกค้าคอยดูแลตั้งแต่ออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ติดตั้งระบบ และพร้อมให้คำปรึกษา

คุณนันทพัชร์ เล่าว่า mind ยังมีความ Inclusive สามารถสร้างความสุขภายในบ้านให้ผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ เพศ วัย และประสบการณ์ที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น Value-based Package 4 แบบ ได้แก่

• อยู่ดี (Well-being) สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรเพื่อคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรักและห่วงใยโดยสร้างสภาพอากาศที่ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยด้วย Active Airflow Quality ลดมลพิษ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 
• ฟีลดี (Feeling) เลือกปรับความสุขได้ตามใจ ไม่ว่าจะพักผ่อนหรือทำงานก็เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการปรับแสง เสียง กลิ่น ให้เข้ากับทุกอารมณ์ เลือกโหมดสร้างบรรยากาศได้หลากหลาย
• เซฟดี (Saving) สามารถใช้ชีวิตได้ไร้ขีดจำกัดแต่ยังประหยัดค่าใช้จ่ายได้อยู่ด้วยโซลูชันตรวจจับการทำงาน และควบคุมการเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติด้วย Smart Switch 
• ไยดี (Caring) ดูแลสิ่งสำคัญในชีวิตทั้งคนใกล้ชิดและของรอบกายแม้ว่าไม่ได้อยู่ที่บ้านด้วยโซลูชันดูแลเด็กเล็กและผู้สูงอายุ สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินได้ทันที

และมีจุดเด่นสำคัญคือสามารถเชื่อมต่อกับแบรนด์อื่นๆ ได้โดยไม่จำกัด มีความปลอดภัยเรื่องการติดตั้ง เชื่อมต่อกับแบรนด์อื่นๆ และการรักษาข้อมูลความเป็นส่วนตัวโดยจัดเก็บไว้บน Cloud อีกทั้งมีทีมงานคอยดูแลอย่างเต็มรูปแบบตลอด 24 ชั่วโมง

Smart Home จุดเริ่มต้นของ Smart Country

ในการทำให้ Born in Thailand (BiT) นวัตกรรมฝีมือคนไทย เพื่อคนไทย เกิดขึ้นจริงนั้นต้องอาศัยความเชื่อว่าคนไทยสามารถสร้างเทคโนโลยีได้จริง หยุดการซื้อมาแล้วขายไป แล้วสนับสนุนฝีมือคนไทยเพื่อให้แบรนด์ได้พัฒนาจาก lesson learn ของผู้ใช้งานที่หลากหลายและเติบโตไปไกลระดับโลก 

โดยในปีนี้ SCG Digital Office ได้พัฒนาเทคโนโลยี IoT ที่สร้างสรรค์โดยคนไทยขึ้นมาได้แล้วจริง ๆ คือ ‘มายด์ (mind)’ Smart Home Solution ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ โดยมีมันสมองอัจฉริยะ (mind edge) ที่สามารถพัฒนาความฉลาดของตัวเองได้อย่างไม่หยุดยั้ง ทำงานได้แม้ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต มีความปลอดภัยสูง และไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลของลูกค้าจะรั่วไหล 

ซึ่งในปลายปีนี้จะเปิดตัว One Stop Shopping ที่รวบรวมสินค้า Smart Home แบรนด์ดังไว้ในที่เดียว โดยคุณอภิรัตน์ กล่าวว่า “Smart Home ถือเป็นโอกาสสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาประเทศไทยไปสู่ Smart Country เนื่องจาก IoT เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ จึงอยากผลักดันให้ IoT ที่สร้างสรรค์โดยนวัตกรไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดดและสร้างอิมแพคในประเทศ รวมถึงขยายการเติบโตไปในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก”

The Future is Now

คุณนันทพัชร์ กล่าวว่า “ด้วยศักยภาพของ mind edge และนวัตกรไทย เราอยากผลักดันให้ประเทศไทยมี IoT Ecosystem ที่มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใดในโลกเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดัน Soft Power ในการสร้าง Creative Economy และ Tech Power ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ Digital Economy ตั้งแต่ตอนนี้” ในการพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายดังกล่าว แน่นอนว่าไม่สามารถไปได้เพียงคนเดียว แต่ต้องการผู้ที่มี passion ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐบาล ภาคเอกชน และภาคการศึกษร่วมจับมือไปด้วยกันเพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ Digital Economy โดย SCG Digital จะเป็นตัวกลางในการเปลี่ยน passion และไอเดียใหม่ๆ เป็นนวักรรมที่จับต้องได้โดยนวัตกรไทย เพื่อคนไทย