เซเบิล (SABLE) สตาร์ตอัปสาย Deep Tech เพิ่มขีดความสามารต่อทุกกลุ่มธุรกิจและลูกค้าแบบไร้รอยต่อ บุกตลาด MarTech และ Digital Transformation ด้วยการพัฒนาระบบ Sales Automation และ ระบบสะสมแต้ม by Sable ระบบที่สามารถเพิ่มโอกาสและเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจและทำให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปิดดีลระดมรอบ Pre-Seed ด้วยมูลค่าบริษัท 150 ล้านบาท จากนักลงทุนอิสระ (Angel investor)
บริษัท เซเบิล จำกัด ที่ก่อนหน้านี้ได้ซุ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังกว่า 2 ปีภายใต้นามของบริษัท ไอเพ็น สตูดิโอ จำกัด ในคอนเซปต์ของ Deep Tech และขณะนี้เซเบิลที่นำทีมโดยคุณอิศเรศ ประจิตต์มุทิตา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเบิล จำกัด และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ได้มุ่งเน้นในการประกอบร่างผลงานจากงานวิจัยผ่านการพัฒนาระบบการขายแบบอัตโนมัติ
คุณอิศเรศ ประจิตต์มุทิตามองว่า ปัจจุบันทุกธุรกิจต่างจำเป็นต้องปรับตัวในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี หรือ Digital Transformation ในหลากหลายธุรกิจนั้นต่างมีความต้องการในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ที่แตกต่างกัน แต่คุณอิศเรศได้มองว่าทุกธุรกิจนั้นล้วนโฟกัสในสิ่ง ๆ เดียวกันนั้นคือการเพิ่มยอดขาย เพิ่มรายได้ หรือในอีกมุมหนึ่งคือการลดรายจ่ายผ่านการลดขั้นตอนกระบวนการทำงาน จึงเป็นที่มาของการเข้ามาโฟกัสในการพัฒนาโพรดักส์ประเภท Marketing Technology (MarTech) ควบคู่กับการให้คำปรึกษา พัฒนา เพื่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือดิจิทัลให้เหมาะสมกับธุรกิจนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดขั้นตอน การเพิ่มรายได้ เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน หรือแม้กระทั่งการเกิดเป็นบริการใหม่จากธุรกิจเดิม
ปัจจุบันการตลาดในรูปแบบ MarTech & Digital Transformation เติบโตอย่างชัดเจน ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้ธุรกิจต้องปรับตัว ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างทันท่วงที เป็นยุคที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลอย่างแท้จริง SABLE จึงเป็นเครื่องมือในการช่วยให้ธุรกิจเติบโตผ่านการทำงานกับข้อมูลและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าให้ได้มีประสิทธิภาพที่ดีและรวดเร็วขึ้น
คุณนรเสฏฐ์ พจนศึกษากุล หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการส่วนงานซอฟต์แวร์ กล่าวว่า “SABLE นำเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์มาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมให้เขาใจลูกค้าของในธุรกิจของตน เทคโนโลยีของเซเบิลจะช่วยเรื่องการทำการตลาดแบบอัตโนมัติ (Marketing Automation) และ การขายอัตโนมัติ (Sales Automation) ให้มีประสิทธิภาพ ง่าย และตรงจุดด้วยความเป็นอัตโนมัติ ไม่ต้องคอยให้พนักงานมาคอยเฝ้าดูการซื้อขายในจากลูกค้า แต่เซเบิลจะทำการประมวลให้ทั้งหมดตลอดเวลา ไม่เว้นแม้เวลาที่เรานอนอยู่ และมีเข้าใจข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อมโยงกันโดยมนุษย์อาจมองไม่เห็นได้ และช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจมากขึ้น
นอกจากนี้เซเบิลนั้นยังสามารถทำการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกมากมายกว่า 5000+ แอปพลิเคชันทั่วโลกเพื่อให้ใช้งานกับระบบอื่นๆได้อย่างครอบคลุม เช่น Google, Facebook, WooCommerce และ ยังร่วมไปทุกแพลตฟอร์มของคนไทยมากมายไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในกลุ่ม POS หรือ Shipping แม้กระทั่งเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มที่หลายคนจะมองว่าเป็นคู่แข่งในกลุ่ม Marketing Technology ก็เช่นกัน”
ในการทำงานเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในครั้งนี้ เป็นความพยายามที่ทางเซเบิลนั้นได้ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยมองว่าลูกค้าอาจจะอยากใช้บริการหนึ่งกับอีกบริษัท ส่วนอีกบริการจากอีกบริษัทก็สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ผ่านเซเบิลอีกด้วย ในการนี้เป็นการยกระดับเสริมความสามารถของเทคโนโลยีไทยไปด้วยกันอีกด้วยกันและโตไปด้วยกัน
คุณณกมล อัศวยนต์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กล่าวว่า “สำหรับการตลาด Marketing 5.0 ที่อยู่รอดได้ในยุคถัดไป ยังไงเรื่อง Data เป็นเรื่องที่พื้นฐานมากๆที่เป็นขุมทรัพย์ที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ แต่น่าเสียดายที่มีองค์กรไม่กี่แห่ง ที่สามารถนำ Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเรายังขาดคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่อีกมาก
SABLE จึงถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่จะช่วยให้บริษัทสามารถเข้าสู่โลกการแข่งขัน 5.0 ได้อย่างยั่งยืน ที่จะไม่ใช่การมองแค่การแข่งขันในพื้นที่ แต่มองไปถึงการแข่งขันระดับประเทศ เพราะการมี Data จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึง กลุ่มลูกค้าที่แท้จริงได้ นับว่าเป็นเครื่องมือที่องค์กรในอีกไม่กี่ปีนี้ จะขาดไม่ได้ และ เป็นพื้นฐานในยุคถัดไป”
คุณจตวัฒน์ เซี่ย ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการส่วนงานโพรดักส์ เชื่อว่าคนรุ่นใหม่หลาย ๆ มีธุรกิจส่วนตัวหรือเริ่มหาอาชีพเสริม (Second Job) ขายของเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง แต่การทำธุรกิจก็มีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย ใช้ความรู้ความสามารถหลายอย่าง กว่าจะปิดการขายได้ ซึ่งการได้ใช้ SABLE นั้นค่อนข้างตอบโจทย์ในการทำธุรกิจมาก ๆ เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการข้อมูลและสื่อสารกับลูกค้าได้แบบมืออาชีพ แม้ไม่ได้เป็นนักการตลาดหรือนักวิเคราะห์ข้อมูลก็ตาม ช่วยแบ่งเบางานได้เยอะเหมือนได้ทีมงานมาช่วยเหลือ ทำให้ได้เวลาส่วนตัวกลับคืนมามากขึ้นและมีเวลาไปคิดเรื่องการขยายธุรกิจในขณะที่ให้เซเบิลช่วยดูแลเรื่องการขายในการนี้เซเบิลยังได้
คุณอัครวุฒิ ตำราเรียง ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ผู้ที่อยู่ในวงการเทคโนโลยีมากว่า 25 ปี มาช่วยในการเป็นผู้ควบคุมหางเสือในการนำเซเบิลไปช่วยให้ธุรกิจประเภท Business-to-Consumer (B2C) มีขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งลดรายจ่ายได้ให้กับธุรกิจด้วยการลดขั้นตอนการทำงานจากการปิดดีลเงินทุนในรอบ Pre–Seed ของเซเบิล จะทำให้เซเบิลนั้นสามารถมุ่งเน้นในการต่อยอดพัฒนาเพิ่มความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่อยู่ในระบบให้ได้ข้อมูลเชิงลึกขึ้น ได้แก่ การโต้ตอบหรือปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านเสียงสังเคราะห์, การวิเคราะห์ข้อมูลและสุขภาพของธุรกิจผ่านหลัก Data Analytics, ยังรวมไปถึงการเสริมลูกเล่นกับธุรกิจในเทคโนโลยีอาทิ Image Classification, Customers Clustering, Object Detection และ Sales Prediction โดยเพิ่มฟีเจอร์และฟังก์ชันการใช้งานที่จะรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางเพื่อนำมาประมวลผลและสร้างประสบการณ์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อ ช่วยธุรกิจไทยให้สามารถปรับตัวในยุคดิจิทัล
“เซเบิลตั้งเป้าที่จะ Breakeven ภายใน 1 ปี และเติมโตอย่างต่อเนื่องโดยการดำเนินธุรกิจแบบ SME แต่คิดแบบ StartUp อีกด้วย” กล่าวโดย คุณอิศเรศ ประจิตต์มุทิตา
Sign in to read unlimited free articles