OR เปิดทิศทางการดำเนินธุรกิจ ปี 2023 ทุ่มงบ 3.11 หมื่นลบ. ลงทุนใน 4 เสาหลักกลุ่มธุรกิจ มุ่งขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิม พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยเน้นขยายสาขา PTT Station และ EV Station PluZ พร้อมกับเสริมแกร่ง Business Value Chain ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ขณะเดียวกันจ่อขยายการลงทุนในการเปิด PTT Station และ Café Amazon ผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนในประเทศใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ควบคู่กับการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย คุณสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR และ คุณวิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR ร่วมแถลงผลการดำเนินงานปี 2565 และทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2566 มุ่งประสานธุรกิจพลังงานและไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของ OR ผ่านการเสริมความเข้มแข็งของแต่ละธุรกิจให้สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตแห่งอนาคต รวมถึงผนึกกำลังทั้งภายในและภายนอกกลุ่ม ปตท. พร้อมเปิดประตูความร่วมมือสู่การเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
โดย คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวทำให้ ปี 2565 ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้ผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 277,986 ล้านบาท คิดเป็น 54.3% และ EBITDA เพิ่มขึ้น 273 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1.3%
และยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาด โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 43.2% และได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า “EV Station PluZ” แล้วทั้งสิ้นจำนวน 302 แห่ง (หรือ 909 หัวชาร์จ) และได้ร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายในการขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นําในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem)
ในส่วนของ PTT Stations มีจำนวน 2,551 Stations ขณะที่ Amazon มีจำนวน 4,253 Outlets 381 Million cups ทั้งนี้ส่วนของ Jiffy และ 7-Eleven จำนวน 2,244 Outlets ใน 11 ประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ส่งมอบโอกาสผ่านการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ อาทิ การสร้างรายได้ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสครอบคลุมกลุ่มผู้สูงวัย ผู้บกพร่องทางการได้ยินและการเรียนรู้ ให้มีรายได้จากการทํางานเป็นบาริสต้า ผ่านร้าน Cafe Amazon for Chance แล้วกว่า 137 คน การจัดโครงการพื้นที่ปันสุขและตลาดเติมสุข ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนให้สามารถนําผลผลิตมาจําหน่ายในพื้นที่สถานีบริการ PTT Station ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดจนการรับซื้อผลผลิตการเกษตรที่ล้นตลาดเพื่อมาจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าที่เติมน้ำมัน ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนจากการขายสินค้ามากกว่า 15.6 ล้านบาท เป็นต้น
มุ่งมั่นสานต่อและผลักดันวิสัยทัศน์ “Empowering All toward Inclusive Growth” ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้เตรียมงบลงทุนจำนวน 31,197 ล้านบาท
ทั้งนี้ OR ยังให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย
โดยล่าสุด OR ได้รับการคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน “The Sustainability Yearbook 2023” กลุ่มธุรกิจ Retailing ภายหลังจาก OR เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากลในปีแรกที่เข้าร่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ของ OR ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม มิติเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการ สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินระดับสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)
*** การลงทุนในช่วง 2023-2027 จะมีการลงทุนประมาณ 101,500 ล้านบาท (ปี 2023 ลงทุน 31,197 ล้านบาท) โดยจะลงใน 4 เสาหลักของธุรกิจ คือ ***
อย่างไรก็ตามจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จะมีการบริหารจัดการอย่างไร ? นั้น คุณ ดิษทัต ฉายมุมมองว่า ในช่วง Q4/65 โรงกลั่นในประเทศไทยได้ทำการปิดซ่อมบำรุงจำนวน 2 โรงกลั่น ฉะนั้นในช่วงนั้นเราต้องเก็บสะสมสต็อก ขณะเดียวกันเกิดวิกฤติ LNG ในตลาดโลกสูง แต่ ณ เวลานั้น OR เป็นผู้ที่จำหน่ายน้ำมันและมีผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก ประกอบกับในช่วงนั้นมีต้นทุนไฟฟ้าสูง
OR จึงต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ เพื่อให้ประชาชนมีต้นทุนการรันไฟฟ้า และฟีตสต็อกของโรงไฟฟ้าต่ำลง แต่ในจังหวะนั้นเป็นช่วงที่น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนผลิตภัณฑ์ที่ในส่วนของธุรกิจ Mobility สูงขึ้น ส่งผลให้ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ จำนวน 10,370 ล้านบาท ลดลง 1,104 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.86 บาทต่อหุ้น แต่ปัจจุบันก็ได้มีการมอนิเตอร์ตลาดอย่างใกล้ชิด ขณะที่ Target Country คือ กัมพูชา เนื่องจากไม่มีโรงกลั่น ดังนั้นโอกาสทางการขายผลิตภัณฑ์มากกว่า OR จึงจะไปเจาะตลาดปั๊มน้ำมัน ส่วนประเทศเวียดนามถือเป็นโอกาสทางธุรกิจไลฟ์สไตล์
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด