Nestlé ร่วมขับเคลื่อนอนาคตอุตสาหกรรมอาหารไทย ดัน FoodTech Startup ผ่าน SPACE-F
ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โจทย์ความท้าทายใหม่ๆ ได้เกิดขึ้นในสังคม อาทิ Aging Society การใส่ใจสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค ล้วนส่งผลกระทบต่อวงการอาหารเป็นวงกว้าง การพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร Food Technology จะช่วยปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาคุณภาพของอาหาร ตั้งแต่กระบวนการสรรหาวัตถุดิบ ขนส่ง แปรรูป จนออกมาเป็นเมนูใหม่ๆ ให้ทุกๆ คนได้รับประทานด้วยความอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน Food Technology จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาพัฒนาและตอบโจทย์ความท้าทายที่เกิดขึ้นกับโลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลงในตอนนี้
โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการผลิตอาหารคุณภาพสูง ส่งออกได้มาก แต่ยังมีปัญหาด้านการจัดการ การขนส่งและการควบคุมคุณภาพเพื่อให้ได้มาตรฐาน Food Technology จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ทั้งอาหารเพื่อผู้สูงอายุ อาหารเพื่อสุขภาพ เนื้อเทียม การจัดการ Supply Chain ของร้านอาหาร รวมถึงการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นครัวนวัตกรรมของโลกได้อย่างแท้จริง ตรงกับ tagline ของโครงการ SPACE-F ว่า “feed the world through innovation”
โครงการ SPACE-F เป็นโครงการมุ่งเน้นให้สตาร์ทอัพในธุรกิจเทคโนโลยีอาหารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม รองรับกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตที่ต้องเผชิญในอุตสาหกรรมด้วยแนวคิด Collaboration for the Future of Food ผลักดัน ส่งเสริม และร่วมพัฒนาระบบนิเวศที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารของไทย โดยสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมจะได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ โอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายและแหล่งเงินทุน เพื่อการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ได้เปิดรับสมัครสตาร์ทอัพต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ครอบคลุม ด้านอาหารเพื่อสุขภาพ (Health and Wellness), ด้านโปรตีนทางเลือก (Alternative Proteins), ด้านกระบวนการผลิตอาหารอัจฉริยะ (Smart Manufacturing), ด้านบรรจุภัณฑ์แห่งอนาคต (Packaging Solution), ด้านส่วนผสมและอาหารใหม่ (Novel Food and Ingredients), ด้านวัสดุชีวภาพและสารเคมี (Biomaterial and Chemical), ด้านเทคโนโลยีการบริหารจัดการร้านอาหาร (Restaurant tech), ด้านการตรวจสอบควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร (Food Safety and Quality) และ ด้านการบริการอัจฉริยะด้านอาหาร (Smart Food services)
โดยมีความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนชั้นนำในอุตสาหกรรมด้านอาหาร อย่าง บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมด้วย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และพันธมิตรโครงการ SPACE-F ซึ่งล้วนแต่เป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ล็อตเต ไฟน์ เคมิคอล จำกัด ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ Startup ที่เข้าร่วมโครงการสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ โครงการ SPACE-F ยังเป็นโครงการที่ไม่มีการถือหุ้นในสตาร์ทอัพที่ได้รับคัดเลือกเข้ามา สตาร์ทอัพจะมีกรรมสิทธิ์ในไอเดียและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของตนเองอย่างสมบูรณ์
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า “เนสท์เล่มีเจตนารมณ์ในการเปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อทุกคนในวันนี้ และในอนาคต เราจึงมีความยินดีที่ได้เข้าร่วมโครงการ SPACE-F เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่จะส่งเสริมเจตนารมณ์ของบริษัทที่วางไว้ นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการทำงานร่วมมือกับหลายๆ ภาคส่วนในโครงการ SPACE-F จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารของไทยสู่อนาคต ด้วยการสร้างสรรค์อาหารที่ทั้งดีต่อผู้บริโภค และดีต่อโลกของเรา สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท เราจะทำงานร่วมกันกับพันธมิตรและผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อยขึ้นและดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้อุตสาหกรรมอาหารและประเทศไทยสามารถรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนในปัจจุบันและในอนาคต”
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “NIA มีเป้าหมายในการยกระดับระบบนวัตกรรมของประเทศ จากผลการจัดอันดับดัชนีระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Global Startup Ecosystem Index) โดย StartupBlink พบว่าระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยมีความก้าวหน้าอย่างมาก ในฐานะหนึ่งในเมืองชั้นนำด้านระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ โดยอุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายสำคัญที่ NIA มุ่งขับเคลื่อน โครงการ SPACE-F จะมีส่วนช่วยส่งเสริมความเป็นผู้ประกอบการที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่สอดคล้องกับเทรนด์ใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม เช่น การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ การผลิตโปรตีนทางเลือก กระบวนการผลิตอัจฉริยะ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน รวมถึงบริการอัจฉริยะด้านอาหาร ทำให้สตาร์ทอัพสามารถเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับสากลได้และในปีนี้ เนสท์เล่ ได้เข้าเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ที่จะนำความเชี่ยวชาญขององค์กรมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อโครงการ และเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพ ทั้งในไทยและจากต่างประเทศทั่วโลก สามารถมีส่วนร่วมกำหนดทิศทางของนวัตกรรมอาหารในอนาคต”
Nestlé มีเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนา 25 แห่ง และศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ 10 แห่งทั่วโลก และได้จัดสรรงบลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท ในแต่ละปี เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้คนในทุกช่วงวัย สตาร์ตอัปจากโครงการ SPACE-F จะช่วยเสริมจุดแข็งของบริษัท และช่วยให้ Nestlé สามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคและอุตสาหกรรมอาหารได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
โครงการ SPACE-F ได้เริ่มตั้งแต่ปี 2019 โดยมี โดยมีสตาร์ตอัปทั้งในประเทศและทั่วโลกเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 60 ราย และปัจจุบันได้ระดมเงินทุนไปแล้วมากกว่า 63 ล้านเหรียญสหรัฐ โครงการ SPACE-F เปิดรับสมัครรุ่นที่ 5 ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2024 ในโครงการ Incubator and Accelerator Program เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีอาหารให้เติบโตและพัฒนาโมเดลธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจะพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีอาหารที่สำคัญแห่งภูมิภาคได้ต่อไป
สมัครเข้าร่วมโครงการและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ SPACE-F ได้ที่ https://www.space-f.co
บทความนี้เป็น Advertorial
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด