เปิดนิยาม Metaverse ในฉบับของเสถียร บุญมานันท์ กับ Metaverse XR สตาร์ทอัพไทยที่มุ่งสู่ระดับโลก | Techsauce

เปิดนิยาม Metaverse ในฉบับของเสถียร บุญมานันท์ กับ Metaverse XR สตาร์ทอัพไทยที่มุ่งสู่ระดับโลก

“Metaverse” คำคุ้นหูที่หลายคนให้ความสนใจ คำคุ้นหูที่หลายคนบอกว่าเป็นอนาคตของโลกเทคโนโลยี คำที่หลายองค์กรมองว่ามันจะเป็น S-Curve ใหม่ขององค์กร แต่เมื่อมองไปที่ความหมายของคำว่า Metaverse กลับมีการตีความที่แตกต่างกันออกไป 

ซึ่งทาง Techsauce เองก็ได้รวบรวมข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับ Metaverse มาอย่างต่อเนื่อง

และล่าสุด Techsauce ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ คุณเสถียร บุญมานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง Metaverse XR หนึ่งในบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติไทยผู้พัฒนาเทคโนโลยี XR, AR และ VR ที่มีผลงานในระดับโลกมากมาย ซึ่งปัจจุบัน Metaverse XR กำลังตั้งสำนักงานที่เมืองซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกา โดยคุณเสถียรได้มาเล่าถึง “Metaverse” ในมุมมองที่ต่างออกไป และเป็นมุมมองของผู้ที่ประสบความสำเร็จ และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ไปสู่ระดับโลก

ความหมายของ Metaverse ในมุมมองของคุณเสถียรคืออะไร?

Metaverse ไม่ใช่การสร้างโลกเสมือนอย่างเดียว แล้วเอาคนไปเล่นเกม ทำกิจกรรม หรือขายที่ ไม่ใช่แม้กระทั่งว่า เอาสิ่งของมาวางขายบนโลกเสมือน จะต้องเป็น Social Platform ที่สามารถสร้าง Digital Economy ได้จริง จะต้องเห็นว่าสื่อที่เราเข้าถึงเปลี่ยนจาก 2 มิติ ไปเป็น 3 มิติ เปรียบเสมือนมีเหตุการณ์มาห่อหุ้มเราไว้ และสามารถ Interact ได้แบบ Real-time กับคนหลาย ๆ คน 

Metaverse คือ Community ที่เข้ามาเชื่อมโลกจริงโลกเสมือน เพื่อให้สิ่งที่ Offline และ Online ทำร่วมกันได้ทุกอย่าง และเกิด Digital Economy ขึ้นมาจริง ๆ

ยกตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มช้อปปิ้ง ที่ปัจจุบันเรากำลังซื้อ-ขายสินค้ากันแบบ 2 มิติ กล่าวคือ เราเลื่อนหน้าจอมือถือ ดูรูป และตัดสินใจเลือกสินค้า แต่ถ้าโลก Metaverse ประสบความสำเร็จจริง ในอนาคตเราอาจจะสามารถเดินจูงมือพาครอบครัวไปช้อปปิ้งแบบ 3 มิติได้พร้อมกันบนโทรศัพท์มือถือ ได้เจอ Influencer หรือดาราที่เป็นพรีเซ็นเตอร์มาคอยแนะนำสินค้าในรูปแบบ 3 มิติตลอดเวลา พร้อมกับถามตอบ Interact ได้แบบ Real-time อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงสินค้าได้ทุกชิ้นบนโลก 

เป็นการเชื่อมโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกัน มีการเพิ่มคุณค่า (Value) ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ต้องมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของคนไปอย่างสิ้นเชิง

แต่อย่างไรก็ตาม “Metaverse” ก็คือ Buzzword ที่เข้ามาเปลี่ยนมุมมองของคน ซึ่งจริง ๆ แล้วคุณเสถียรมองว่า เทคโนโลยี XR, AR และ VR คือตัวขับเคลื่อนโลกเสมือน เพียงแต่มีคำศัพท์ใหม่อย่าง “Metaverse” เข้ามาเป็นอีกหนึ่งเลเยอร์ เป็นอีกชื่อเรียกที่ทำให้คนได้รู้จัก และอนาคตของ Metaverse ที่สมบูรณ์แบบ และจะประสบความสำเร็จ คือ AR

อะไรบ้างที่เป็นความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Metaverse?

จากมุมมองของคุณเสถียร มองว่า ความเข้าใจผิดที่เห็นมากที่สุด คือ การที่คนเข้าใจว่า Metaverse คือการสร้างโลกเสมือน แล้วเข้าไปซื้อ-ขายพื้นที่ด้วยสกุลเงินที่สร้างขึ้นมาในพื้นที่นั้น ๆ และรอสร้างกำไรจากการเพิ่มมูลค่าของพื้นที่ 

ซึ่งจริง ๆ แล้วการสร้าง Value ให้กับสิ่งใดก็ตามที่ไม่ Base on ความเป็นจริง จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

ดังนั้นมันจึงยังไม่เป็น Metaverse

ข้อต่อมาคือ ความเชื่อที่ว่า Metaverse คือการสร้างเกมขึ้นมา แล้วให้คนเข้าไปเล่นในนั้น ตัวอย่างเช่น Roblox ซึ่งมองว่า สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นเกม “เพราะมันยังไม่สร้าง Impact ให้ชีวิตคนเปลี่ยนแปลง ยังไม่สร้าง Impact ให้ธุรกิจดีขึ้น”

Digital Twin และ 3D Volumetric คืออะไร แล้วจะเปลี่ยนโลกอย่างไร?

Digital Twin คือ การที่จะทำให้โลกเสมือนกับโลกความเป็นจริงเหมือนกัน ซ้อนทับกัน และทำให้ทุกอย่างทั้งบนโลกจริงและโลกเสมือนใช้งานด้วยกันได้ 

3D Volumatic คือ การทำให้คนจริง ๆ ไม่ใช่ในรูปแบบของ Avatar สามารถเข้ามา Interact ได้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ดารา คนดัง หรือ Influencer ก็สามารถมายืนพูดคุยกับเราได้ ด้วยการพัฒนาร่วมกับ AI และการเลียนเสียงเข้ามาช่วยทำให้การสื่อสารถึงผู้บริโภคง่ายมากขึ้น

เทคโนโลยี Digital Twin และ 3D Volumetric คือสิ่งที่ผมเชื่อว่าจะเปลี่ยนโลกได้จริง ๆ

คุณเสถียรยังมองอีกด้วยว่า จากความก้าวหน้าของ 2 เทคโนโลยี จะส่งผลให้มีธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จก่อนในโลก Metaverse จำนวน 4 ประเภท คือ

  • Media & Entertainment: เปลี่ยนรูปแบบจากการสื่อสารแบบ 2 มิติในปัจจุบันไปสู่การ Interact ได้แบบ 3 มิติกับใครก็ตามบนโลกนี้ได้
  • Fashion & Shopping: เปลี่ยนโลกช้อปปิ้งไปสู่อีกขั้น เมื่อเราสามารถเข้าถึงสินค้าได้ทุกชิ้นบนโลก พร้อมกับพูดคุยกับเหล่าพรีเซ็นเตอร์สินค้าได้เหมือนกับเจอตัวจริง
  • Gaming: เปลี่ยนการเล่นเกมธรรมดา ให้เป็นความสนุกที่เกิดขึ้นได้ทั้งในโลกเสมือนและโลกจริงไปพร้อม ๆ กัน
  • Education: เปลี่ยนให้การศึกษาง่ายขึ้น และเข้าถึงได้ ผ่านห้องเรียนที่เข้าถึงได้ตลอดเวลา ได้ทดลองทำจริงแม้จะอยู่ที่บ้าน

เกือบ 5 ปีของ Metaverse XR มีจุดเริ่มต้น และมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง?

จุดเริ่มต้นของบริษัท Metaverse XR มาจากมุมมองที่ว่า ธุรกิจฮาร์ดแวร์จะไม่ใช่ธุรกิจแห่งอนาคตอีกต่อไป ธุรกิจจะต้องเป็นอะไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จะต้องเป็นอะไรที่เข้าถึงคนได้แบบไร้รอยต่อ จึงจะต้องทำธุรกิจในกลุ่มซอฟต์แวร์ เลยมองไปที่ธุรกิจเกม แต่จะให้ไปพัฒนาเกมก็อาจจะสู้เทคโนโลยีของต่างชาติไม่ทัน เลยมาจับจุดที่ XR, AR และ VR และตลอด 4 ปีกว่าที่ผ่านมา Metaverse XR ได้พัฒนาเทคโนโลยีกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จ

Metaverse XR บริษัทสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Metaverse หลังจากเริ่มต้นธุรกิจพัฒนาเทคโนโลยี XR, AR และ VR มาเกือบ 5 ปี ภายใต้ Vision ที่ว่า “Merging Two Worlds Seamlessly”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มต้นบริษัท คุณเสถียรได้มีการลงทุนไปกว่า 1 ล้านเหรียญ แต่มีโปรเจกต์งานเข้ามาเพียง 6 โปรเจกต์ ได้ผลตอบแทนประมาณ 1 แสนเหรียญ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการส่งมอบงานไป 72 โปรเจกต์ให้กับ 45 ธุรกิจใน 27 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน โดยใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันอีก 35 เทคโนโลยี นับว่าเป็นความสำเร็จในความพยายามที่ Metaverse XR เดินหน้ามาตลอด การันตีด้วยผลงานกับการเป็นตัวแทนของประเทศไทย ไปร่วมแสดงผลงานที่งาน Dubai World Expo 2022

โดยมีตัวอย่างโปรเจกต์ที่น่าสนใจ และเป็นอีกก้าวของการเชื่อมโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกัน อย่างเช่น

  • Dinosaur Virtual Tour x Chiangmai Night Safari ที่เราสามารถไปเดินในสวนสัตว์ ให้อาหารไดโนเสาร์ สามารถชมโชว์ได้ทั้งบนโลกจริงและโลกเสมือน

  • Virtual MC for Alibaba Cloud Day ที่ใช้เทคโนโลยี Full Body Tracking and Face Tracking ในการจับลักษณะท่าทางและใบหน้า ทำให้ผู้ชมได้เห็น Avatar ในรูปแบบ 3D

เป้าหมายของ Metaverse XR คืออะไร?

เป้าหมายหลักของ Metaverse XR ทางคุณเสถียรได้กล่าวว่า แบ่งออกเป็น 2 อย่างหลัก ๆ คือ การสร้าง Digital Economy สร้างการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตและโลกธุรกิจจริง ๆ ให้กับทุกคน ให้โลกจริงและโลกเสมือนทำงานด้วยกันได้ ให้คนสามารถสร้างธุรกิจที่เกิดขึ้นได้ทั้ง 2 โลกนี้ โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจ 4 กลุ่มที่กล่าวไปข้างต้น 

และการสร้าง Experience ให้กับผู้คนจะเปลี่ยนไปในรูปแบบใหม่ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราจะได้เห็น Metaverse บนมือถือ เพราะเป็นสิ่งที่คนเข้าถึงง่ายที่สุด และหลังจากนั้นจะมี Device อื่น ๆ อย่างเช่น แว่นตา แว่น AR เข้ามาเป็นตัวช่วยสร้างประสบการณ์บน Metaverse ในแบบที่ทุกคนสามารถ Interact กันได้จริง ๆ บนโลกเสมือน

ซึ่งเป้าหมายของ Metaverse XR จะเริ่มต้นพัฒนาให้กับคนไทย คนใน APEC (เขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก) และขยายไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือ และจากโปรเจกต์กำลังดำเนินการอยู่ในตอนนี้ คาดว่า ภายในปีหน้าจะสามารถ Launch เพื่อเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนได้ทั้งใน APEC และทวีปอเมริกาเหนือ

ภาพอนาคตที่คุณเสถียรเห็น ว่า Metaverse จะไปถึงจุดไหน?

คุณเสถียร มองว่า ในอนาคตจะมีธุรกิจที่สร้าง Experience แบบใหม่ให้กับผู้บริโภคได้จริง โดยตอนนี้มีโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับ Metaverse XR อยู่ ซึ่งเป็นธุรกิจกลุ่ม Media & Entertainment ที่จะมีการสร้าง Virtual Concert ขึ้นมาจริง รวมไปถึงกลุ่ม Fashion & Shopping ที่จะมีธุรกิจในแบบ Metaverse บนมือถือมาให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม

แต่อย่างไรก็ตาม Metaverse จะไปถึงขั้นมี Mass Adoption หรือไม่นั้น ยังไม่แน่นอน เพราะตอนนี้กลุ่มผู้ที่ให้ความสนใจหลัก ๆ จะเป็นกลุ่ม Gen Z และ Gen Alpha ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานให้เกิด นอกจากนี้ยังรวมไปถึง 3 ปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิด Mass Adoption และยังต้องจับตามอง ซึ่งก็คือ

  • จะต้องมี Use case ที่มีคนมาใช้จริง และเห็นว่าเกิดประโยชน์จริง
  • Cost of hardware และ Cost of operation จะต้องต่ำลง
  • อิทธิพลของคนระดับโลก (อย่างเช่น Mark Zuckerberg, Tim Cook) ที่จะเอาจริงเอาจังกับ Metaverse หรือไม่

เมื่อก่อนคนมองว่า Online จะเข้ามาแย่งโลก Offline แต่ทุกวันนี้ต้องมองว่ามันส่งเสริมกัน สิ่งที่ออนไลน์ยังขาดอยู่ คือ 3D, Immersive และ Interact แบบที่ทุกคนสัมผัสได้ มี Digital Economy ที่มี Real-time player อยู่ด้วยกันได้

บทความนี้เป็น Advertorial


ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เช็คจุดน้ำท่วมเรียลไทม์ ผ่านแอปฯ BMA Traffic น้ำท่วม-รถติด-อุบัติเหตุ ดูได้หมด

BMA Traffic เป็นแอปพลิเคชันที่เราสามารถดูระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งอยู่ทั่วกรุงเทพมหานครแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถสำรวจพื้นที่น้ำท่วมหรือรถติดผ่านแอปฯ ได้ทันที...

Responsive image

เส้นทางของ Kakao จากสตาร์ทอัพสู่หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลแถวหน้าในอุตสาหกรรมบันเทิง

สตาร์ทอัพที่เริ่มต้นด้วยคนเพียง 2 คน สู่อาณาจักรไอทียักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ บทความนี้ Techsauce จะชวนดูความสำเร็จของ ‘Kakao’ บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 24.7 ล้านล้านวอน หรือราว 6.7 ...

Responsive image

2024 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยต้องโฟกัสอะไร? รู้จักกลยุทธ์ 2C โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย เจาะปัจจัยหลักที่นักการตลาดดิจิทัลต้องรู้

บทความนี้ Techsauce จึงจะพามารู้จักกับ 2 กุญแจชิ้นสำคัญอย่าง Content & Convenience ที่กุมชะตาธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยในยุคดิจิทัล...