KKP ประเมิน ข้อจำกัด 3 ด้านที่ทำให้คริปโตเคอร์เรนซี ไม่อาจเข้ามาทดแทนระบบเงินในปัจจุบันที่ควบคุมโดยธนาคารกลางได้ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิตคอยน์ (Bitcoin) เป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิดเป็นต้นมา โดยคนส่วนหนึ่งลงทุนด้วยความเชื่อว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินในโลกอนาคตที่สามารถมาทดแทนเงินของธนาคารกลางที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ผ่านเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลาง โปร่งใส และเป็นเครื่องรักษามูลค่าของตัวเองได้ด้วยปริมาณอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัด
อย่างไรก็ตาม KKP Research ประเมินว่าบทบาทของคริปโตเคอร์เรนซีในการเข้ามาทดแทนระบบเงินปัจจุบันที่ควบคุมโดยธนาคารกลางเป็นไปได้ยากจากข้อจำกัด 3 ด้าน คือ
ข้อมูลในปัจจุบันชี้ชัดว่าคริปโตเคอร์เรนซี ยังไม่สามารถทำหน้าที่ 3 ข้อหลักของเงินได้ คือ
การเปลี่ยนระบบการเงินจากยุคปัจจุบันไปสู่คริปโตเคอร์เรนซีแม้เป็นความตั้งใจที่ดีและมีการใช้เทคโนโลยีที่อาจเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเงิน แต่การให้เอกชนเป็นคนออกสกุลเงินและจำกัดปริมาณเงินให้คงที่เพื่อรักษามูลค่าเป็นระบบที่มีความไม่มั่นคงสูงและขาดกลไกในการรองรับความเสี่ยงหากเศรษฐกิจเจอกับปัจจัยภายนอกที่ไม่ได้คาดคิด ซึ่งจะสร้างความเสี่ยงหลายประการ คือ
ในทางทฤษฎี หากทุกคนยอมรับให้บิตคอยน์ เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ย่อมเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะผันผวนลดลงและทำหน้าที่เป็นเครื่องรักษามูลค่าได้ ซึ่งอาจทำให้บิตคอยน์สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนได้ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านจากโครงสร้างเศรษฐกิจการเงินในปัจจุบันไปสู่ดุลยภาพใหม่ที่มีบิตคอยน์เป็นสื่อกลางยังจะต้องเจอกับอุปสรรคอีกมาก คือ
การคาดเดาทิศทางของราคาบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซียังคงทำได้ยาก โดยแม้ว่าเหรียญดิจิทัลเหล่านี้อาจถูกมองว่าไม่มีมูลค่าพื้นฐานแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีมูลค่าเป็นศูนย์เสมอไป และความผันผวนในราคาของสินทรัพย์เหล่านี้น่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตในช่วงที่ความไม่แน่นอนเรื่องอัตราเงินเฟ้อและทิศทางของนโยบายการเงินเพิ่มสูงขึ้นมาก และมีความเสี่ยงสูงที่ราคาจะปรับตัวลงได้
KKP Research ประเมินว่าปัจจัยทั้งหมดนี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการยอมรับในบิตคอยน์หรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆให้เป็นสกุลเงินหลักในอนาคต อย่างไรก็ตามบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอาจยังคงอยู่เป็นสินทรัพย์ทดแทนที่มีการซื้อขายต่อไปแม้ว่าจะไม่ใช่สกุลเงินก็ตาม และหากคริปโตเคอร์เรนซีสามารถทำหน้าที่ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับตัวเองได้ (เช่น ลดต้นทุนการทำธุรกรรม หรือสร้างโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ที่ระบบปัจจุบันทำไม่ได้) ก็อาจจะสามารถมีมูลค่าในตัวมันเองได้
นอกจากนี้ การมีอยู่ของคริปโตเคอร์เรนซีแม้ว่าจะเป็นในรูปของสินทรัพย์ทดแทนจะช่วยเตือนให้ภาครัฐและธนาคารกลางคำนึงถึงคุณลักษณะที่ดีของเงินสาธารณะ (public money) และนำไปสู่การทำนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ เช่น การไม่ทำนโยบายประชานิยมหรือพิมพ์เงินมากเกินไปจนทำให้เกิดวิกฤตเงินเฟ้อรุนแรง (hyperinflation) และสภาวะทางสังคมล่มสลายซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในประวัติศาสตร์
สามารถอ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ คริปโตเคอร์เรนซีนำมาใช้แทนเงินได้จริงหรือ?
-------------------------
เกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เกิดขึ้นจากการร่วมกิจการระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินการโดย ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และธุรกิจตลาดทุนที่ดำเนินการโดยบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำกัด โดยกลุ่มธุรกิจฯ มุ่งนำทรัพยากรสู่ลูกค้าอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเปี่ยมประสิทธิภาพด้วยบริการที่เหนือความคาดหมาย
ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของกลุ่มธุรกิจฯ ครอบคลุมสินเชื่อบรรษัท สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อย เช่นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อส่วนบุคคล ส่วนธุรกิจ
ด้านตลาดทุนของกลุ่มธุรกิจฯ ครอบคลุมธุรกิจวานิชธนกิจ (Investment Banking) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน ธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) ธุรกิจการลงทุน (Direct Investment) ตลอดจนธุรกิจจัดการกองทุน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kkpfg.com
Sign in to read unlimited free articles