บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทจะเข้าซื้อบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ในมูลค่ารวม 10,873 ล้านบาท อ้างอิงตามมติอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565
การเข้าซื้อดังกล่าวจะทำผ่านบริษัทกัลฟ์ เวนเชอร์ส จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ รวมเรียกว่า (กลุ่มบริษัทฯ) เป็นผู้ลงลงทุน โดยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญ THCOM จากบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จำนวนทั้งสิ้น 450,870,934 หุ้น ในสัดส่วนร้อยละ 41.13 ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THCOM ในราคาหุ้นละ 9.92 บาท มูลค่ารวมประมาณ 4,472 ล้านบาท
ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้นสามัญ THCOM จะเกิดขึ้นต่อเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนที่สําคัญดังต่อไปนี้ ได้สําเร็จเสร็จสิ้น หรือได้รับการยกเว้นไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยกลุ่มบริษัทฯ
- การได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ INTUCH ให้เข้าทำธุรกรรมการจำหน่ายหุ้นสามัญ THCOM ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ
- การได้รับอนุมัติจากคู่สัญญาที่จำเป็นของ THCOM และ/หรือบริษัทย่อยของ THCOM (โดยมีรายละเอียดตามที่ INTUCH และกลุ่มบริษัทฯ จะได้ตกลงกันต่อไป) และ/หรือจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง (หากมี)
- ไม่มีเหตุการณ์ที่เป็นสาระสำคัญเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ INTUCH ไม่สามารถดำเนินการตาม สัญญาซื้อขายหุ้น หรือจะก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อความสามารถของ INTUCH ในการดำเนินการตามสัญญาซื้อขายหุ้น
- ไม่มีกฎ กฎหมาย กฎเกณฑ์ ประกาศ หรือคำสั่ง ซึ่งห้าม หรือสร้างข้อจำกัดให้แก่ INTUCH และกลุ่มบริษัทฯ ในการดำเนินการตามสัญญาซื้อขายหุ้น หรือจะมีผลทำให้การซื้อขายหุ้นสามัญของ THCOM ตามสัญญาซื้อขายหุ้น เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมายหรือคำสั่งใด ๆ ดังกล่าว
- ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสําคัญต่อ THCOM บริษัทย่อยของ THCOM และ/หรือบริษัทร่วมทุนของ THCOM (โดยมีรายละเอียดตามที่ INTUCH และกลุ่มบริษัทฯ จะได้ตกลงกันต่อไป)
ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญ THCOM จาก INTUCH ข้างต้นเสร็จสิ้น กลุ่ม บริษัทฯ จะดําเนินการซื้อหุ้นสามัญส่วนที่เหลือทั้งหมดของ THCOM โดยการทําคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ THCOM จํานวนทั้งสิ้น 645,231,020 หุ้น (คิดเป็นร้อยละ 58.87 ของหุ้นสามัญที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THCOM) คิดเป็นจํานวนเงินรวมประมาณ 6,400.69 ล้านบาท โดยธุรกรรมทั้งหมดจะมีมูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 10,873.33 ล้านบาท
การลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ที่มีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจ New Space ที่มีศักยภาพการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการต่อยอดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับบริษัทฯในหลายมิติ
โดยเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่าเงื่อนไขบังคับก่อนท้ังหมดน่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ของปี 2566
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://classic.set.or.th/set/pdfnews.do?newsId=16677768818881&sequence=2022129182&fbclid=IwAR1Au4PyK4rjPeIYmeIon2Qp3JH4Fr2auLdV5EVxOJaxTCklfQtcKMGNMfw
https://classic.set.or.th/dat/news/202211/22129184.pdf?fbclid=IwAR1lWSaMIhEEMAzWufZcamZH_xO78qiCa9JoQ4mv4Yjy1EdGlEmIWc17NXQ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด