ไม่ใช่ทุกคน ทุกองค์กร ที่จะแบกรับความเสี่ยงได้ ยิ่งทุกชีวิตยึดโยงอยู่กับการพึ่งพาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรโลกด้วยแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการประเมินสถานการณ์ วิเคราะห์คาดการณ์อนาคต ซึ่งช่วยบ่งชี้ภาพความเป็นไปได้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไปจนถึงการตระเตรียมหนทางหากเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น (Worst-case scenario) ดังที่ปรากฏในรายงานเล่มล่าสุด The Global Risks Report 2023 18th Edition ที่ World Economic Forum ร่วมกับ Marsh McLennan and Zurich Insurance Group จัดทำขึ้น
รายงาน The Global Risk Report 2023 มาจาก Global Risks Perception Survey (GRPS) ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลด้านความเสี่ยงของ World Economic Forum
อธิบายก่อนว่า GRPS เป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพรวมด้านความเสี่ยงทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยได้ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,200 คน ทั้งจากสถาบันการศึกษา ธุรกิจ รัฐบาล ชุมชนระหว่างประเทศ และภาคประชาสังคม ในช่วงระหว่างวันที่ 7 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม 2022 (GRPS 2022-2023)
ทั้งนี้ ความเสี่ยงถูกจัดออกเป็น 5 กลุ่ม และในแต่ละกลุ่มยังแยกย่อยไปอีกหลายหัวข้อ ดังรายละเอียดต่อไปนี้
จะเห็นว่า ความเสี่ยงในแต่ละหัวข้อนั้นสัมพันธ์กันและเชื่อมโยงข้ามกลุ่ม | Source : The Global Risks Report 2023
ความเสี่ยงระดับโลก ในรายงานฉบับนี้ ถือเป็น 'ความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุการณ์หรือสภาวการณ์ต่างๆ' ซึ่งถ้าความเสี่ยงนั้นๆ เกิดขึ้นอาจจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อสัดส่วนจีดีพีโลก ประชากร หรือทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังนำ แบบสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหาร (EOS: Executive Opinion Survey) จาก World Economic Forum ซึ่งเป็นผู้นำทางธุรกิจกว่า 12,000 ราย ที่ร่วมระบุความเสี่ยงซึ่งเป็นภัยคุกคามรุนแรงที่สุดของแต่ละประเทศภายใน 2 ปีข้างหน้า
มองในบริบทของ GRPS สิ่งที่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับข้อกังวลและลำดับความสำคัญที่ต่างกันในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็น 'Hotspot' ที่อาจเกิดขึ้น และจาก 5 กลุ่มข้างต้น สามารถระบุความเสี่ยงออกมาเป็น 32 ข้อ ดังนี้
จากการประเมิน 'ประสิทธิภาพการบริหารจัดการความเสี่ยงในด้านต่างๆ' การรับรู้ความล้มเหลวในการบรรเทาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อยู่ในระดับที่ต่ำมาก
Source : The Global Risks Report 2023
จากการให้ผู้ตอบแบบสำรวจประเมินผลกระทบเชิงลบ (รุนแรงที่สุด) ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 2 ปี หรือ 'ความเสี่ยงระยะสั้น' พบว่ากระจายอยู่แทบทุกด้าน ทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ เทคโนโลยี โดย 5 อันดับแรก ได้แก่
ด้านความเสี่ยงในอีก 10 ปีข้างหน้า (2033) ซึ่งถือเป็น 'ความเสี่ยงระยะยาว' คาดว่า ผลกระทบเชิงลบจะเทไปที่ สิ่งแวดล้อม ถึง 4 อันดับแรก เราจึงต้องตระหนักและใส่ใจสภาพแวดล้อมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ดังนี้
สำหรับประเทศไทย ทีมเทคซอสหยิบคอนเทนต์จากรายงานฯ มาอธิบายเพิ่มเติมทั้ง 5 ข้อ ดังนี้
Source : The Global Risks Report 2023
สภาพทางการเงินขององค์กรเอกชนหรือการเงินในระดับสาธารณะอาจประสบปัญหา ‘หนี้สะสม’ ส่งผลให้เกิดการล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว นำมาสู่วิกฤตสภาพคล่องหรือการผิดนัดชำระหนี้ รวมไปถึงวิกฤตหนี้สาธารณะ
ประชากรส่วนใหญ่ขาดความสามารถในการคงวิถีชีวิตปัจจุบันเอาไว้ เนื่องจากต้นทุนสินค้าจำเป็นนั้นมีราคาเพิ่มสูงขึ้น และไม่สอดคล้องกับการเติบโตด้านรายได้ของครัวเรือนตามจริง
จัดอยู่ในหัวข้อ เหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมเป็นวงกว้าง (Large-scale environmental damage incidents) ซึ่งส่งผลต่อความสูญเสียชีวิตมนุษย์, ความสูญเสียทางการเงิน และ/หรือ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบนิเวศอันเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ และ/หรือ ความล้มเหลวในการอยู่ร่วมกับระบบนิเวศของสัตว์ รวมถึงการยกเลิกข้อบังคับเกี่ยวกับอุบัติเหตุในภาคอุตสาหกรรม การรั่วไหลของน้ำมัน และการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสี
ข้อนี้รวมประเด็น การเข้าถึงเครือข่ายและเทคโนโลยีดิจิทัลที่แยกเป็นส่วนๆ หรือไม่เท่าเทียมกันซึ่งเกิดจากการลงทุนที่ต่ำกว่า ทักษะด้านดิจิทัลต่ำ กำลังซื้อไม่เพียงพอ หรือข้อจำกัดของรัฐบาลที่มีต่อเรื่องเทคโนโลยี
เป็นการใช้เศรษฐกิจเป็นเครื่องมือโดยมหาอำนาจระดับโลกหรือระดับภูมิภาค เพื่อแยกปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำกัดสินค้า ความรู้ บริการ หรือเทคโนโลยี โดยมีเจตนาที่จะสร้างความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์และรวมขอบเขตที่ตนมีอิทธิพล ซึ่งไม่จำกัดเพียง มาตรการด้านสกุลเงิน การควบคุมการลงทุน การคว่ำบาตร ความช่วยเหลือและเงินอุดหนุนจากรัฐ และการควบคุมการค้าด้านพลังงาน แร่ธาตุ และเทคโนโลยี
................................................................................
อ้างอิง
Sign in to read unlimited free articles