สภาคองเกรส เดินหน้าจัดการเทคจีน จ่อล้างบางอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ทั่วสหรัฐฯ | Techsauce

สภาคองเกรส เดินหน้าจัดการเทคจีน จ่อล้างบางอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ทั่วสหรัฐฯ

หลังจากคณะกรรมการ FCC ยื่นจดหมายถึงแพลตฟอร์ม Apple และ Google เพื่อรายงานการพัฒนาแอพลิเคชัน Tiktok และชี้แจงว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงระดับชาติในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด Jessica Rosenworcel ประธานคณะกรรมการ FCC หน่วยงานกำกับดูแลด้านกิจการการสื่อสาร โดยเฉพาะการดูแลเกี่ยวกับสัญญาณความถี่คลื่นวิทยุภายในสหรัฐอเมริกา ยื่นเรื่องต่อสภาคองเกรสว่าหน่วยงานต้องการเงินสนับสนุนเพิ่มอีก 3 พันล้านดอลลาร์ มุ่งจัดการเทคฯ จีน สร้างความต่อเนื่องในการดำเนินการ “Rip & Replace” ถอนอุปการณ์สื่อสารของ Huawei Technologies Company และ ZTE Corporation ออกจากเครือข่ายการสื่อสารแบบไร้สายของสหรัฐอเมริกา

สภาคองเกรส เดินหน้าจัดการเทคจีน จ่อล้างบางอุปกรณ์ Huawei และ ZTE ทั่วสหรัฐฯ

Rip & Replace Program 

ในปี 2019 สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายที่มอบหมายให้ FCC (Federal Communication Commission) ดำเนินการกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมของสหรัฐฯ โดยหน่วยงานได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง เพื่อทำการถอนอุปกรณ์โทรคมนาคมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศ พร้อมสัญญาว่าจะชำระเงินคืน

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามใน Secure and Trusted Communications Networks Act หรือพระราชบัญญัติเครือข่ายการสื่อสารที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ต่อเนื่องยังสมัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยมีจุดมุ่งเหมายเพื่อสร้างระบบโทรคมนาคมของสหรัฐฯ เพื่อแทนที่อุปกรณ์การสื่อสารจากเครือข่ายของต่างประเทศที่ต้องสงสัย สืบเนื่องจากการขึ้นบัญชีดำให้อุปกรณ์จากบริษัทของบริษัทจากจีนเป็นภัยต่อความมั่นแห่งชาติ ทำให้สองผู้ให้บริการอย่าง  Huawei Technologies Company และ ZTE Corporation จะไม่ถูกอนุมัติให้สามารถดำเนินการได้ภายในแผ่นดินสหรัฐฯ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ทำไมใครๆ จ้องจะแบน TikTok หรือจะซ้ำรอย Huawei - Binance ?

  • พรบ.ดังกล่าวถือเป็นมาตรการในการรักษาความปลอดภัยระบบการสื่อสารและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและรับประกันอุปกรณ์ซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงจะไม่ถูกอนุมัติให้เข้ามาดำเนินการยุ่งเกี่ยวกับระบบเครือข่ายการสื่อสารของประเทศ 

นอกจากนี้ FCC ได้สร้างโปรแกรมสำหรับการจ่ายเงินชดเชยผู้ให้บริการที่ได้รับผลกระทบ โดยมีผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 181 รายการและได้ทำการคำนวณเป็นตัวเงินเพื่อชดเชยจำนวนถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามในขณะนั้นหน่วยงานได้รับการจัดสรรเงินจำนวนเพียงแค่ 1.9 พันล้านดอลลาร์

โดยในวันที่ 15 กรกฎาคม 2022 ที่ผ่านมา Rosenworcel ยื่นเรื่องต่อสภาเพื่อขอเงินจัดสรรเพิ่ม 3 พันล้านดอลลาร์ทำให้มีเงินทุนทั้งหมด 4.9 พันล้านดอลลาร์ Rosenworcel กล่าวในจดหมายถึงคณะกรรมการวุฒิสภาด้านการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ และการขนส่ง และเสริมว่า FCC จะเริ่มดำเนินการชำระเงินคืน "เนื่องจากมีการออกการจัดสรรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" หากไม่มีเงินทุนเพิ่มเติมจากสภาคองเกรส หน่วยงาน FCC นั้นจะมีเงินเพียงพอที่จะชดใช้ให้กับบริษัทประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด หากไม่มีการจัดสรรเพิ่มเติม คณะกรรมาธิการควรจะใช้แผนการจัดลำดับความสำคัญตามที่รัฐสภาระบุไว้”

อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าพรบ.ดังกล่าวจะครอบคลุมถึงโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไปหรือไม่ แต่กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนถึงการจัดการผู้ผลิตสินค้าบริการด้านเทคโนโลยี การสื่อสารโทรคมนาคมจากประเทศจีนอย่างมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวชัดเจนว่าเป็น “ภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติ” และสะท้อนให้เห็นอนาคตของธุรกิจประเภทดังกล่าวและธุรกิจอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องจากค่ายจีนนั้นอาจจะได้รับผลกระทบต่อหลังจากนี้ 


ที่มา 

U.S. needs $3 billion more to remove Huawei, ZTE from U.S. networks, regulator says

FCC needs additional $3 billion to help US carriers replace Huawei and ZTE equipment

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Jensen Huang ตอบประเด็นอนาคต AI ยังไงต่อ ? ในงาน GTC 2024

บทความนี้ Techsauce ชวนมาฟังความเห็นของ CEO บริษัทชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในงาน GTC 2024...

Responsive image

SpaceVIP จัดทริปกินมื้อหรูระดับมิชลินบนอวกาศ สนนราคาต่อหัว 17.8 ล้านบาท

โอกาสสำหรับการทานอาหารสุดหรูบนอวกาศมาถึงแล้ว SpaceVIP เตรียมเปิดประสบการณ์การทานอาหารจากเชฟระดับ Michelin Star ที่ความสูงกว่า 100,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลในการผจญภัยบนขอบอวกาศ โอกา...

Responsive image

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? แหล่งข่าวชี้ Selena Gomez เตรียมขายแบรนด์

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? ข่าวจาก Bloomberg ออกมาว่าตอนนี้ Selena Gomez ได้เริ่มดำเนินการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนเพื่อประเมินมูลค่าแบรนด์แล้ว...