สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) พร้อมด้วย พาร์ทเนอร์ รัฐ-เอกชน จัดใหญ่ Pitching Day ภายใต้กิจกรรม “Hack for GROWTH” สำหรับปี 2566 ที่เฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรม โซลูชัน ระบบ หรือแอปพลิเคชัน ตอบโจทย์ธุรกิจท่องเที่ยวไทย เติบโตกว่าที่เคย จากผู้เข้ารอบ 20 ทีมสุดท้าย ในที่สุด ทีม We are Kollective เจ้าของผลงาน ระบบทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์แบบครบวงจร คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัล 500,000 บาท พร้อมโอกาสต่อยอดนวัตกรรมในอนาคต ณ ห้อง Grand Hall ชั้น 3 อาคาร True Digital Park ฝั่ง West กรุงเทพฯ
ดร.ตฤณ ทวิธารานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า “การท่องเที่ยว” เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และแม้ที่ผ่านมาภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย จะสามารถฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตได้แล้วแต่สิ่งที่มาควบคู่กันก็จะเป็นในมุมของความเปลี่ยนแปลงทั้งในมุมของพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนการปรับเปลี่ยนในเชิงเทคโนโลยี แต่ใครจะรู้ว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กำลังเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทาย ที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ด้านภาพรวมของตลาดที่มีคู่แข่งเพิ่มขึ้น เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ยาก ยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้า ทั้งยังขาดความรู้ ความชำนาญในการทำการตลาดและการเลือกใช้เครื่องมือ Digital ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างยอดขาย นอกจากนี้ ยังขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถตรงตามที่ธุรกิจต้องการ จนกระทบต่อการดำเนินงานในภาพรวม ทั้งยังขาดระบบ หรือ เครื่องมือที่เข้ามาช่วยบริหารจัดการงานภายในองค์กร เป็นต้น
ETDA ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเกิดการยกระดับการทำงานและการทำธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะช่วยให้เกิดการเร่งเครื่องเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตยิ่งขึ้น จึงได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน), สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.), สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank), The Finlab powered by UOB, Amazon Web Services (Thailand) และเทคซอส มีเดีย จัดกิจกรรม “Hack for GROWTH” ภายใต้แนวคิด Make a Chance to Grow Together” เพื่อเฟ้นหา นวัตกรรม โซลูชัน ระบบ หรือแอปพลิเคชัน ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและยกระดับธุรกิจท่องเที่ยวไทย ไปพร้อมๆ กับการร่วมสร้างและร่วมพัฒนานวัตกรรมของผู้ให้บริการและผู้พัฒนาหน้าใหม่ ให้ได้มีโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ผลักดันนวัตกรรม โซลูชันสู่การใช้งานจริง ภายใต้โจทย์การแข่งขันสุดท้าทายที่จะตอบโจทย์ข้อจำกัดและความต้องการของธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรง ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเด็น Revenue Growing เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างยอดขาย , Recruiting Better ช่วยสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถและตรงกับความต้องการของธุรกิจ และ Retaining People Growth พัฒนาการบริหารจัดการทีมภายในองค์กรและรักษาบุคลากรคุณภาพ
กิจกรรม Hack for GROWTH เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 มีทีมสมัครเข้าร่วมกิจกรรม 40 ทีม ก่อนคัดเลือกให้เหลือ 20 ทีมสุดท้าย ได้แก่ ทีม AccRevo, ทีม AIGENT, ทีม Alto, ทีม AsiaOneClick, ทีม ATTRA, ทีม BOTNOI AI Recruiter, ทีม ChillPay, ทีม GoWithMe, ทีม HappyWork, ทีม InDistinct, ทีม Trantour, ทีม Nomad Connect, ทีม Oho Chat, ทีม PetnPlay, ทีม TalentED, ทีม Taste-Map, ทีม TripNiceDay, ทีม V Smart City, ทีม We are Kollective และ ทีม We Chef food truck platform ซึ่งที่ผ่านมาทุกทีมได้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop พัฒนาทักษะ ไอเดีย ต่อยอดนวัตกรรม โซลูชันกับหลากหลายผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างเข้มข้น ก่อนเข้าสู่โค้งสุดท้ายในวันนี้ (19 ก.ค.) กับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หรือ Pitching Day ที่ทุกทีมได้มีการนำเสนอนวัตกรรม โซลูชัน ระบบหรือแอปพลิเคชันต่อเหล่าคณะกรรมการบนเวที ภายในเวลาที่กำหนด พร้อมกับตอบคำถามจากเหล่าคณะกรรมการทั้งในมุมของ Business model การต่อยอดในระยะต่อไป การตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว แนวทางการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ และด้านอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นสำคัญ เพื่อให้คณะกรรมทุกท่านได้เห็นถึงศักยภาพและความโดดเด่นของสิ่งที่นำเสนอในแต่ละทีมได้เด่นชัดมากขึ้น กระบวนการนี้ถือเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพและแนวคิดจากทีมที่เข้าประกวด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมชมสด และถ่ายทอดสดผ่านระบบ Zoom ร่วมกัน
จากการ Pitching นำเสนอไอเดียของทั้ง 20 ทีมและการตอบคำถามของคณะกรรมการ ก่อนที่คณะกรรมการทุกท่านจะได้ร่วมกันพิจารณาและลงคะแนนตัดสิน ในที่สุดเราก็ได้ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ไปกับ Hack for GROWTH ได้แก่ ทีม We are Kollective เจ้าของผลงาน ระบบทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ครบวงจร ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลอย่างเป็นระบบ ที่สำคัญวัดผลได้ ได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร, รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม No mad เจ้าของผลงาน แพลตฟอร์มที่พาผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน โดยมีฟีเจอร์หลักๆ คือให้เจ้าของรีสอร์ท/โรงแรมบูติค สามารถเลือกที่พักตัวเองเป็นสถานที่จัดงานอีเว้นท์และเปิดขายบัตรในระบบ รับเงินรางวัล 250,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร, รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Aigent เจ้าของผลงานแอปพลิเคชันสำหรับซื้อ E-Voucher ในราคาพิเศษ ที่สามารถระบุที่พัก วันที่จะเข้าพักได้ผ่านแอปพลิเคชัน เพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการที่สามารถกำหนดเงื่อนไขการเข้าพักต่าง ๆ ผ่านระบบเอกซ์ทราเน็ตได้ด้วยตัวเอง รับเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร และรางวัลขวัญใจกรรมการ 2 รางวัล รางวัลละ 75,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร ได้แก่ ทีม Happy work เจ้าของผลงาน แพลตฟอร์มบันทึกเวลาเข้า-ออกงาน ที่มีความยืดหยุ่น รวดเร็วและ real time ทำให้การลางานเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องถามว่าเหลือกี่วัน ใช้ได้ถึงเมื่อไหร่ รวมไปถึงการเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เช็คได้ทันที และ ทีม Asia one click เจ้าของผลงานบริการการจองสายการบินและสร้างช่องทางการขายใหม่ๆ ผ่านทางการเชื่อมต่อผ่าน API กับโปรแกรมแชท
นอกจากนี้ สำหรับทีมผู้ชนะทั้ง 3 อันดับ ยังจะได้รับ AWS Credits พร้อมทั้งโอกาสในการต่อยอดนวัตกรรมและบริการกับกลุ่มเป้าหมายตลอดจนพาร์ทเนอร์ภาครัฐและเอกชน และพิเศษสุด สำหรับทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศกับโอกาสเข้าร่วมงาน Techsauce Global Summit 2023 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ด้วย
“กิจกรรม Hack for GROWTH นี้ไม่เพียงเป็นหนึ่งฟันเฟืองสำคัญที่เข้ามาช่วยลดข้อจำกัด ปิดช่องว่างที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะต้องเผชิญเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการสร้างโอกาสที่ดี ที่กลุ่มคนที่มีอุดมการณ์ เป้าหมายเดียวกันได้มาร่วมกันส่งเสริมให้เกิดการต่อยอด พัฒนานวัตกรรมของผู้ให้บริการหน้าใหม่ อย่างกลุ่มสตาร์ทอัพ ให้พร้อมออกสู่ตลาดเพื่อร่วมสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อประโยชน์กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ผ่านการออกแบบโซลูชัน บริการ ที่เหมาะสม ตอบโจทย์อุตสาหกรรม สู่การเติบโตกว่าที่เคย โดย ETDA คาดหวังว่าทุกทีมที่ได้รับรางวัลและได้มีโอกาสในการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งที่กลับมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับประเทศ พร้อมรองรับสู่โลกอนาคตยิ่งขึ้น และเตรียมพบกับกิจกรรมอย่างต่อเนื่องไปกับ ETDA” ดร.ตฤณ กล่าวทิ้งท้าย
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด