ข้อควรรู้ก่อนติดตั้ง EV Charger มีขั้นตอนอย่างไร ? ต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ? | Techsauce

ข้อควรรู้ก่อนติดตั้ง EV Charger มีขั้นตอนอย่างไร ? ต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ?

รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) กำลังได้รับความสนใจและเป็นกระแสการเปลี่ยนผ่าน ที่จะเห็นภาพชัดมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้หันมานิยมรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น เห็นได้จากการประกาศนโยบายต่าง ๆ เช่น ประเทศจีน มีการลดหรือยกเว้นภาษีผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ประเทศนอร์เวย์ มีแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะฟรี ในขณะที่ประเทศเวียดนาม ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงและเร่งที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอาเซียน 

EV Charger

รวมทั้งภาพรวมตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าเองที่ดูเหมือนว่าจะโตขึ้นเกือบเท่าตัว วัดได้จากยอดจองรถยนต์ EV ภายในงาน Motor Expo 2022 ที่ผ่านมา สูงถึง 5,800 คัน คิดเป็นสัดส่วน 15.8% จากยอดจองรถยนต์ทั้งหมดที่ 36,679 คัน เทียบกับสัดส่วนยอดขายรถยนต์ EV ในไทยก่อนหน้านี้ในปี 2017 และ 2020 ที่เพียง 1.3% และ 4.2% ตามลำดับ นั่นก็เพราะเหตุผลหนึ่งที่หนีไม่พ้นนั่นคือ “ราคา” ที่ถูกลงทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มกำลังนั่นเอง

ซึ่งประเทศไทยก็ได้มีมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน มาตรการยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า, การลดหย่อนภาษีสรรพสามิต รวมถึงการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถ EV ทำให้เราเริ่มเห็นการนำรถยนต์ไฟฟ้า มาวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น และในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจเห็นจำนวนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่เมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้าแล้วนั้น สิ่งที่จะต้องคำนึงตามมานั่นก็คือ EV Charger ที่เรายังต้องเตรียมให้พร้อมด้วย มาดูกันว่าควรเตรียมบ้านอย่างไร หากต้องการที่จะติดตั้ง EV Charger ที่บ้าน และต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง ใช้งบเท่าไหร่ ใช้ยี่ห้อไหนดี  มีขั้นตอนอย่างไร และเช็คยังไงว่าปลอดภัย Techsauce จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับการเตรียมบ้านก่อนติดตั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามาฝากกัน

สำหรับผู้ที่มียานยนต์ไฟฟ้าและต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน ควรมีการพิจารณา/ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านเกิดปัญหา โดยสิ่งที่ควรจะพิจารณา/ตรวจสอบ มีดังนี้

  1. ขนาดมิเตอร์ไฟฟ้า : โดยปกติขนาดมิเตอร์ของบ้านพักอาศัยทั่วไปจะใช้เป็น Single-Phase 15(45) A ซึ่งหมายถึง มิเตอร์ขนาด 15 A สามารถใช้ไฟได้มากถึง 45 A แต่สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าภายในบ้านนั้น โดยทั่วไป เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าภายในบ้านจะใช้กำลังไฟสูงถึง 32 A ซึ่งหากมีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟหลายชนิดพร้อมกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้กำลังไฟไม่เพียงพอ และมีโอกาสที่ทำให้ไฟตกได้ ดังนั้น ทางการไฟฟ้าจึงได้มีการแนะนำให้เปลี่ยนขนาดมิเตอร์เป็น Single-Phase 30(100) A หรือ 3-Phase 15(45) A เพื่อให้มิเตอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น ป้องกันการใช้ไฟฟ้าที่มากเกินไป

  1. เปลี่ยนสายเมน และลูกเซอร์กิต (MCB) : สำหรับสาย Main ที่ใช้ขนาด 16 ตร.มม. จะต้องปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 25 ตร.มม. และเปลี่ยนลูกเซอร์กิต (MCB) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันร่วมกับตู้ MDB ที่สามารถรองรับได้สูงสุด 100 A

  1. ตู้ควบคุมไฟฟ้า (MDB) : ตรวจสอบภายในตู้ว่ามีช่องว่างสำรองเหลือให้ติดตั้ง Circuit Breaker อย่างน้อย 1 ช่อง เนื่องจากการชาร์จไฟของยานยนต์ไฟฟ้านั้นจะต้องมีช่องส่วนตัว แยกใช้งานกับเครื่องไฟฟ้าอื่น ๆ หรือหากภายในตู้หลักไม่มีช่องว่าง ก็สามารถเพิ่มตู้ควบคุมย่อยได้

  1. เครื่องตัดไฟรั่ว (RCD) : เป็นเครื่องตัดไฟอัตโนมัติที่จะตัดวงจรไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าออกมีค่าไม่เท่ากัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร และเกิดเพลิงไหม้ในอนาคตได้ ในกรณีที่สายชาร์จไฟฟ้ามีระบบตัดไฟภายในตัวอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่ม ทั้งนี้ เครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าที่ดีควรมีระบบตัดไฟอย่างน้อย RCD type A โดยมีระบบตรวจจับ DC leakage protection 6 mA (การป้องกันกระแสไฟตรงรั่วไหล

  2. หัวชาร์จไฟฟ้า (EV Socket) : หัวชาร์จไฟฟ้า ตามการออกแบบของผู้ผลิตรถยนต์แต่ละค่าย มักจะทำไม่เหมือนกัน แต่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบหลักๆ คือ

  • หัวชาร์จฯ แบบเร็ว Quick Charger

เป็นการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จาก 0 – 80% ได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที (ขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอรี่ กิโลวัตต์-ชั่วโมง) เหมาะสำหรับชาร์จตามจุดพักรถต่างๆ ที่ต้องใช้ความรวดเร็ว และต้องเดินทางต่อ ซึ่งประเภทหัวชาร์จของ Quick Charger ได้แก่ CHAdeMo (ย่อมาจาก CHArge de Move), GB/T และ CCS (ย่อมาจาก Combined Charging System) สำหรับหัวชาร์จแบบ DC นี้ จะเป็นหัวชาร์จที่ใช้กับสถานีชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า

  • การชาร์จฯ แบบธรรมดา แบบ Double Speed Charge (เครื่องชาร์จ Wall Box / EV Charger)

อันนี้คือการชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Charging) ซึ่งการชาร์จในบ้านอยู่อาศัยจะเป็นแบบนี้ มีทั้งแบบสายชาร์จแบบพกพา และเครื่องชาร์จแบบติดผนัง ใช้ระยะเวลาชาร์จนานหน่อย อยู่ที่ประมาณ 5 – 7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกำลังไฟของเครื่องชาร์จ Wall Box, ขนาดของแบตเตอรี่ และสเปคของรถ

การชาร์จด้วยตู้ชาร์จติดผนัง สามารถทำได้รวดเร็วกว่าการต่อจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง โดยหัวชาร์จที่ใช้แบ่งออกเป็น 2 แบบ

  • Type 1 เป็นหัวชาร์จที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่น

  • Type 2 เป็นหัวชาร์จที่นิยมใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าในแถบทวีปยุโรป

ทั้งนี้การติดตั้งตู้ชาร์จติดผนัง มิเตอร์ไฟของบ้านที่ติดตั้งต้องสามารถรองรับกระแสไฟฟ้าขั้นต่ำ 30 (100)A

สำหรับการเสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นชนิด 3 รู (มีสายต่อหลักดิน) ต้องทนกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 16(A) แต่รูปทรงอาจจะปรับตามรูป แบบปลั๊กของรถยนต์แต่ละรุ่น

สุดท้ายนี้ การติดตั้งจุดชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้าภายในบ้าน ต้องเดินวงจรสายไฟแยกออกมาต่างหาก ควรจะได้รับการติดตั้งจากช่างผู้ชำนาญงานเท่านั้น และห้ามนำสายชาร์จแบบพกพา ไปต่อกับเต้ารับเดิมที่มีอยู่แล้วในบ้าน เนื่องจากระบบไฟฟ้าเดิม ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

6. ระยะทาง : จากจุดติดตั้งเครื่องชาร์จจนถึงตัวรถ ไม่ควรเกิน 5 เมตร เนื่องจากสายเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า โดยทั่วไป จะอยู่ที่ 5-7 เมตรเท่านั้น และควรเลือกจุดที่มีหลังคาเพื่อป้องกันละอองฝน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกันน้ำของเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้านั้น 

  • เลือกจุดที่สามารถเดินสายไฟจากเครื่องชาร์จไปยังตู้เมนไฟฟ้าในบ้านท่านได้สะดวก ไม่ควรเป็นโรงรถที่อยู่ห่างไกล เพราะจะต้องเสียค่าเดินสายไฟสูงขึ้น

  • เลือกจุดที่มีหลังคาเพื่อป้องกันละอองฝน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการกันน้ำของเครื่อง EV Charger นั้นๆ 

ส่วนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหนและงานนั้นซับซ้อนแค่ไหน ทั้งนี้อาจจะต้องคำนึงถึงค่าไฟฟ้ารายเดือนที่อาจเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ดีค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจมีมูลค่าน้อยกว่าค่าบำรุงรักษารถยนต์ทั่วไปเนื่องจากแบตเตอรี่และมอเตอร์ต้องการการดูแลน้อยกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอีกด้วย

สำหรับการเตรียมพร้อมมิเตอร์ไฟฟ้า ก่อนติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทำได้อย่างไร ?

สามารถดูว่ามิเตอร์ที่บ้านเหมาะสำหรับติดตั้ง EV Charger แล้ว หรือต้องเปลี่ยนใหม่ โดยมีวิธีตรวจสอบดังนี้

  • ให้สังเกตข้อความบนมิเตอร์ของบ้านในส่วนของ “Phase” หรือ “Type”จะบอกได้ว่ากำลังการจ่ายไฟของบ้านท่าน จ่ายไฟได้เท่าไหร่ 

โดยมาตรฐานบ้านทั่วไปที่สร้างนานแล้ว มักจะอยู่ที่ Single-Phase 5(15)A หรือ Single-Phase 15(45)A ซึ่งเป็นกำลังไฟที่ไม่เพียงพอกับการใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจาก EV Charger โดยทั่วไปใช้กำลังไฟสูงถึง 32A ซึ่งหากใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟหลายชิ้นพร้อมกัน เช่น แอร์ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เป็นต้น พร้อมกับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า จะทำให้กำลังไฟไม่เพียงพอ และมีโอกาสที่ทำให้ไฟตกได้

การจะติดตั้งเครื่อง EV Charger และใช้ไฟในบ้านได้อย่างเสถียร มาตรฐานขนาดมิเตอร์ที่ทางการไฟฟ้าฯแนะนำ คือ Single-Phase 30(100)A หรือ 3-Phase 15(45)A จึงจะเพียงพอ

หากตรวจสอบแล้วว่ามิเตอร์ไม่เหมาะสม ก็สามารถแจ้งไปที่การไฟฟ้าฯ ในเขตที่อยู่ของตนเอง เพื่อขอเปลี่ยนขนาดมิเตอร์ไฟฟ้าในบ้านได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งให้การไฟฟ้าฯ ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับขนาดมิเตอร์และสายส่งเข้าอาคาร

อ้างอิง The Washingtonpost , thai-smartgrid

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Jensen Huang ตอบประเด็นอนาคต AI ยังไงต่อ ? ในงาน GTC 2024

บทความนี้ Techsauce ชวนมาฟังความเห็นของ CEO บริษัทชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในงาน GTC 2024...

Responsive image

SpaceVIP จัดทริปกินมื้อหรูระดับมิชลินบนอวกาศ สนนราคาต่อหัว 17.8 ล้านบาท

โอกาสสำหรับการทานอาหารสุดหรูบนอวกาศมาถึงแล้ว SpaceVIP เตรียมเปิดประสบการณ์การทานอาหารจากเชฟระดับ Michelin Star ที่ความสูงกว่า 100,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลในการผจญภัยบนขอบอวกาศ โอกา...

Responsive image

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? แหล่งข่าวชี้ Selena Gomez เตรียมขายแบรนด์

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? ข่าวจาก Bloomberg ออกมาว่าตอนนี้ Selena Gomez ได้เริ่มดำเนินการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนเพื่อประเมินมูลค่าแบรนด์แล้ว...