Disney ปลดพนักงาน 7,000 คน รัดเข็มขัดลดต้นทุน ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ยอดผู้ใช้ Disney+ ลดต่อเนื่อง | Techsauce

Disney ปลดพนักงาน 7,000 คน รัดเข็มขัดลดต้นทุน ปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ยอดผู้ใช้ Disney+ ลดต่อเนื่อง

Disney ปลดพนักงาน 7,000 คน คิดเป็น 3% ของจำนวนพนักงานประมาณ 220,000 ทั่วโลก หลังบริการ Disney+ ยอดตก โดยเฉพาะ Hotstar ที่ให้บริการในโซนอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (รวมถึงไทย) ด้าน CEO เร่งปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ รัดเข็มขัดประหยัดต้นทุน

Disney+ ยอดตก ทำขาดทุน 

หลังประกาศรายได้ประจำไตรมาสแรกของปี 2023 (สิ้นสุดที่เดือนธันวาคม 2022) บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 8% แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดไว้ นอกจากนั้น แม้รายได้โดยตรงจากผู้บริโภคซึ่งรวมถึงบริการสตรีมมิ่งจะเพิ่มขึ้น 13% แต่ขาดทุนจากการดำเนินงานมากขึ้น ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากการขาดทุนด้านการดำเนินงานของ Disney+ และ Hulu เช่น ต้นทุนการเขียนโปรแกรม ต้นทุนการผลิต (Production) และต้นทุนการใช้เทคโนโลยี

โดยบริษัทชี้ว่า Disney+ มีการเพิ่มคอนเทนต์ให้บริการมากขึ้นรวมถึง Original Content นอกจากนั้น ในส่วนของ Hulu ก็มีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นและรายได้จากการโฆษณาลดลง

ปัจจุบัน Disney + มีสมาชิกทั่วโลก 161.8 ล้านบัญชี (ลดลง 2.4 ล้าน จากไตรมาสก่อนหน้า) ถือเป็นการสูญเสียยอดผู้ใช้งานครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อปี 2019 และ Disney+ Hotstar บริการที่เปิดในโซนอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้(รวมถึงไทย) ยอดผู้ใช้งานลดลงไป 3.8 ล้านบัญชีจากไตรมาสก่อนหน้า 

ส่วนบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ยังถือว่าคงที่ โดย Hulu มีผู้ใช้มากขึ้น 800,000 บัญชี ESPN+ เพิ่มขึ้น 600,000 บัญชี

เหตุผลหนึ่งที่คาดว่าทำให้ Disney+ สูญเสียผู้ใช้งานนั้น อาจจะมาจากการเปลี่ยนรูปแบบแพ็คเกจแบบมีโฆษณาเข้ามา ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าทำให้สูญเสียผู้ใช้ 3 ล้านบัญชี และการทำคอนเทนต์เพิ่มมากขึ้น แต่ไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน 

นอกจากนั้น เหตุผลหนึ่งที่บริษัทชี้แจงคือ Disney+ Hotstar เสียลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอด Indian Premier League ซึ่งเป็นลีกคริกเก็ตที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอินเดียไป ทำให้บริษัทคาดว่าผู้ใช้บริการจะน้อยลง

รัดเข็มขัดประหยัดต้นทุน ปรับโครงสร้างใหม่

การตัดสินใจปลดพนักงานถือเป็นการขยับครั้งใหญ่ตั้งแต่กลับมารับตำแหน่ง CEO ที่นี่อีกครั้ง ของ Bob Iger ที่ต้องการให้บริษัทประหยัดต้นทุนให้ได้ 5,500 ล้านดอลลาร์ 

โดยแบ่งออกเป็น 3,000 ล้านดอลลาร์ด้านคอนเทนต์ (ไม่รวมคอนเทนต์กีฬา) และ 2,500 ล้านดอลลาร์ในด้านอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายด้านแรงงานและด้านการตลาด

“ผมเคารพและชื่นชมความทุ่มเทของพนักงานทั่วโลก” Iger กล่าว “แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในการจัดการกับความท้าทายที่เราเผชิญอยู่ แต่ผมจะตัดสินใจโดยไม่ประมาท” พร้อมย้ำว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการเติบโตที่ยั่งยืนและความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจสตรีมมิ่ง โดยระบุว่า Disney Plus จะทำผลกำไรได้ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2567

นอกจากนั้น Iger ยังได้ประกาศปรับโครงสร้างการดำเนินงานเพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ่น  ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 5 โดยแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ 

  • Disney Entertainment : ธุรกิจสตรีมมมิ่งและสื่อต่าง ๆ
  • ESPN : เครือข่ายทีวีและ ESPN+
  • สวนสนุกและผลิตภัณฑ์ 

รายได้จากสวนสนุกและสินค้ายังพอทำให้ใจชื้น 

Disney อาจจะใจชื้นได้บ้าง ที่กลับมาเปิดบริการสวนสนุกได้หลังจากโควิดระบาดหนัก โดยรายได้ในกลุ่ม Parks, Experiences และ Products เพิ่มขึ้น 21% เป็น 8,700 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 25% เป็น 3,100 ล้านดอลลาร์ 

อ้างอิง : CNBC, DISNEY 

Sign in to read unlimited free articles

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Jensen Huang ตอบประเด็นอนาคต AI ยังไงต่อ ? ในงาน GTC 2024

บทความนี้ Techsauce ชวนมาฟังความเห็นของ CEO บริษัทชิปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เกี่ยวกับอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในงาน GTC 2024...

Responsive image

SpaceVIP จัดทริปกินมื้อหรูระดับมิชลินบนอวกาศ สนนราคาต่อหัว 17.8 ล้านบาท

โอกาสสำหรับการทานอาหารสุดหรูบนอวกาศมาถึงแล้ว SpaceVIP เตรียมเปิดประสบการณ์การทานอาหารจากเชฟระดับ Michelin Star ที่ความสูงกว่า 100,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลในการผจญภัยบนขอบอวกาศ โอกา...

Responsive image

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? แหล่งข่าวชี้ Selena Gomez เตรียมขายแบรนด์

Rare Beauty จะเปลี่ยนเจ้าของ? ข่าวจาก Bloomberg ออกมาว่าตอนนี้ Selena Gomez ได้เริ่มดำเนินการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนเพื่อประเมินมูลค่าแบรนด์แล้ว...