เข้าสู่ปี 2016 หรือ พ.ศ. 2559 กันแล้ว เราเชื่อว่าปีนี้ Startup ก็ยังคงความน่าสนใจที่จะเข้ามาทำเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างให้เป็นธุรกิจได้จริงอีก แต่ด้านไหนที่มีความน่าสนใจและน่าทำในปีนี้ เลยมีมุมมองที่อยากจะแชร์เผื่อว่าจะเป็นแนวทางให้คนที่กำลังหาแนวทางในการทำครับ
ออกตัวอีกครั้งว่า นี่เป็นความเห็นส่วนตัวในการมองทิศทางของสิ่งที่น่าจะทำในปีนี้จากสิ่งที่พอจะรับรู้และปัญหาที่เกิดขึ้น และน่าจะมีบางอย่างที่เข้ามาช่วยให้ปัญหานี้หมดไปได้
ขอหยิบขึ้นมาเป็นอย่างแรกที่พูดถึง เพราะเรายังคงอยู่ใกล้ชิดกับการเป็นเกษตรกรรมอยู่ (แม้จะอยู่ในเมืองก็ตาม) น่าสนใจว่าเรื่องการทำเกษตรกรรมยังไม่ค่อยถูกหยิบเอามาเลือกทำใน Startup เท่าไหร่นัก ทั้งๆ ที่การนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยทำให้ชีวิตของเกษตรกรดีขึ้นและก็น่าจะทำให้คนเข้ามาให้ความสนใจทางด้านเกษตรเพิ่มมากขึ้น
และด้วยกระแสโลกเรื่องการ Go Green หรือรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แม้แต่การที่คนหันมาสนใจเรื่อง Organic อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ Agri Tech ดูน่าสนใจและน่าทำในช่วงนี้
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคงไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไปในการขัดขวางการเรียนรู้ แต่สิ่งที่จะช่วยให้การเรียนรู้นั้นเกิดขึ้นยังมีอยู่ไม่มากนัก
การพัฒนาบางสิ่งที่จะช่วยในเรื่องการศึกษา หรือการทำให้เสริมความรู้กับคนเป็นสิ่งที่น่าทำและคิดว่ายังมีช่องทางในการทำอีกมากพอสมควร ซึ่งผมมองไม่ใช่แค่แอป แต่สามารถทำให้ได้ถึงแพล็ตฟอร์มของการเรียนรู้ได้เลย แต่ถ้าถามว่ามีคนทำอยู่แล้วหรือเปล่า ก็มีแล้ว แต่อย่างว่า ตลาดด้านการศึกษายังมีช่องว่างให้ทำอยู่อีกเยอะ มันคงไม่ได้หยุดแค่การเรียนออนไลน์เท่านั้น แต่การทำเครื่องมือเพื่อเอามาช่วยทางฝั่งของครูได้
เรื่อง Ed Tech ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำออกมาแล้วให้ใช่กับผู้ใช้งานมากกว่า
กระแสการรักสุขภาพของ ทำให้ Health Tech ดูน่าสนใจขึ้นมากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่มาปีนี้ดูแล้วน่าจะมีอะไรที่เจาะจงไปมากกว่านี้เพราะนอกจากเรารักตัวเองแล้ว เรายังต้องรักคนรอบข้างด้วย
หาหมอดอทคอม น่าจะเป็นชื่อหนึ่งที่เป็นตัวอย่างได้ดีสำหรับการทำ Startup ด้านนี้ แต่นั่นก็คือการให้บริการด้านข้อมูล สิ่งที่น่าจะทำและน่าจะมีก็คือการมีบางสิ่งที่เป็นบริการเฉพาะทางมากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวคิดว่ายังมีความต้องการและยังคงมีปัญหาที่เกิดขึ้นด้านนี้อยู่มาก ทั้งทางตัวแพทย์, พยาบาลเอง หรือเป็นทางด้านคนไข้ เทคโนโลยีน่าจะมีอะไรที่เข้ามาช่วยได้อีกเยอะทั้งสองทาง โดยเฉพาะในเรื่องการให้บริการ Med Tech น่าจะเข้ามาช่วยให้คนทั่วไปทำอะไรได้มากกว่าการอ่านและช่วยให้คนทั่วไปสามารถติดต่อหรือสามารถส่งบางอย่างให้กับแพทย์เพื่อการวินิจฉัยได้เร็วและดีมากกว่าเดิม
ถ้าให้นึกง่ายๆ อาจจะเป็น Claim di ที่เน้นด้าน Medical ก็เป็นได้
แม้จะได้รับการปูทางเป็นเทรนด์ในปี 2015 มาแล้ว (อารมณ์ประมาณว่าหันไปทางไหนก็เจอแต่คำว่า Fin Tech ไม่เว้นแม้การสัมมนา) สาเหตุก็เพราะการธุรกรรมทางการเงินเป็นสิ่งที่เราต้องทำ รวมทั้งเป็น Startup ที่น่าจะมีแนวโน้มในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทมากที่สุด ไม่ว่าจะช่องทางไหนก็ตามที่เกิดขึ้นด้านการเงิน 2015 จึงเป็นแรงดึงดูดให้คนหันมาสนใจกันอย่างมาก
แต่เอาเข้าจริงแล้ว Startup ที่เกิดขึ้นมาในด้าน Fin Tech ก็ยังมีอยู่ไม่ค่อยหลากหลายนัก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะปัญหาคอขวดของการขออนุญาตกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย หากปลดลอคตรงนี้ได้เชื่ออย่างมากว่า Fin Tech จะไปได้ไกลกว่านี้ แต่ตัว Fin Tech เองก็ยังคงมีมุมที่หลากหลายให้เล่นตามปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ เช่น กองทุน, สินเชื่อ สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้เห็นและมีมุมในการทำ Startup เพื่อมาแก้ไขปัญหาเพิ่มมากขึ้น
ทั้ง 4 ด้านก็คือมุมมองจากผู้เขียนที่คิดว่าน่าจะมี Startup เข้ามาทำเพื่อแก้ปัญหา แต่ทั้งหมดทั้งมวล ก็ควรจะต้องมีผู้ที่เชี่ยวชาญร่วมทีมด้วย เพราะมีผลกับการกำหนดทิศทางในการพัฒนาและความน่าเชื่อถือด้วยนะครับ
Sign in to read unlimited free articles