เมื่อผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมไปใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลมากขึ้น คนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้เปลี่ยนมามีพฤติกรรมด้านดิจิทัลมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้คนละครึ่ง การสแกนจ่ายเงินผ่าน QR Code ในขณะเดียวกัน แบรนด์ก็ได้เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคให้มีความหลากหลายมากขึ้น เป็น Omni-Channel สามารถติดต่อกันได้ในช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะบนโซเชียลมีเดีย
อย่างไรก็ตาม ด้วยช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีมากมายในปัจจุบันนี้ ทำให้มี Data หรือข้อมูลอยู่ในหลายที่ และผู้บริโภคเองก็เริ่มกังวลในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจที่สูงมากขึ้น เพราะผู้บริโภคบางรายก็สามารถเปลี่ยนจากผู้บริโภคมาเป็นผู้ขาย เปลี่ยนมาเป็น Content Creator หารายได้ตามช่องทางต่าง ๆ ได้เอง ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในแง่ของการทำการตลาดในปัจจุบัน
ส่งผลให้เกิดเครื่องมืออย่าง MarTech หรือ Marketing Technology ที่จะเข้ามาช่วยให้การทำตลาดของแบรนด์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึง รักษา และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด โดย Techsauce ได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณบอล จิตติพงศ์ เลิศประดิษฐ์ ผู้ก่อตั้ง Marketing Tech Thailand และปัจจุบันเป็นผู้ดูแลงานด้านการตลาดของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เขียนหนังสือ Marketing Technology Trend 2022 ผู้ที่มีประสบการณ์ในสายงานการตลาดมากว่า 20 ปี ทั้งด้านงานด้านการออกแบบไปจนถึงด้าน Digital Marketing และยังเคยเป็น Marketing Technology Lead ให้กับองค์กรใหญ่ของไทยอีกด้วย
เพื่อสร้างความเข้าใจและการรับรู้ถึงความสำคัญของ MarTech ในยุคที่เรียกได้ว่าเป็น Digital First บทความนี้จะพาผู้อ่านทุกคนไปเรียนรู้เทคโนโลยีด้านการตลาดนี้ พร้อมบอกเล่าเรื่องราว Case Study จากปากของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดตัวจริง
Marketing Technology หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า MarTech คือ เครื่องมือสำหรับช่วยในการทำการตลาด ซึ่งรวมไปถึงซอฟต์แวร์ On-Premise ในอดีตที่หลายองค์กรใช้งานผ่านการ Install บนเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปการเข้ามาของ Cloud ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Software-as-a-Service (SaaS) ที่เป็นตัวช่วยให้ Developer สามารถพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ เครื่องมือสำหรับในการทำการตลาดที่เรียกว่า MarTech หรือ Marketing Technology นั่นเอง
ปัจจุบันเทคโนโลยี MarTech มีมากกว่า 40 รูปแบบ ให้สามารถเลือกใช้งานได้ ตั้งแต่การทำ Data Visualization, Content Marketing, Social Media Management, CRM, CDP, Advertising Technology, Chatbot และอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสตาร์ตอัปในสายนี้เกิดขึ้นมากกว่า 10,000 รายทั่วโลก และมีหลายร้อยรายที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
MarTech ที่มีรูปแบบหลากหลายนี้ เกิดขึ้นเพื่อเข้ามาตอบสนองทุก ๆ โจทย์การทำตลาดขององค์กร ทำให้ไม่ว่าจะเป็นองค์กรเล็กหรือใหญ่ก็สามารถที่จะเลือกสรรค์เครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานได้ตามความต้องการ ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวกมากขึ้นกว่าในอดีต
คุณบอล จิตติพงศ์ ได้เล่าให้เราฟังผ่านการยก Case Study ของบริษัททอผ้าแห่งหนึ่ง ขึ้นมาว่า บริษัทแห่งนี้มีการจัดการด้านการตลาดด้วยการส่งเซลเข้าไปเสนอขายสินค้าให้กับลูกค้า ซึ่งธุรกิจนี้มีลักษณะเป็น B2B โดยทางบริษัทจะมีการส่งข้อมูลให้เซลเป็นข้อมูลรายชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ของลูกค้า ผ่านทางโปรแกรม Excel ที่เซลก็จะต้องมากรอกข้อมูลตอบกลับลงไปในไฟล์นั้น ในกรณีนี้หากเซลมีจำนวนน้อย ขั้นตอนการดำเนินงานก็อาจจะไม่ได้ยุ่งยาก แต่ข้อมูลที่ได้รับจากที่เซลที่เข้ามากรอกลงไปในโปรแกรมเองนั้น ทางบริษัทไม่สามารถรู้ได้เลยว่า มีความแม่นยำมากน้อยเพียงใด หากในกรณีที่มีเซลทำงานหลายคน การส่งข้อมูลก็จะมีจำนวนที่มากขึ้น และยิ่งข้อมูลมากเท่าไร ความแม่นยำ รวมไปถึงการจัดการข้อมูลใน Excel มีความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น และยังไม่รวมถึงกรณีที่ต้องเปลี่ยนมือส่งต่อข้อมูลไปให้เซลเพื่อ Follow up ข้อมูลต่าง ๆ ก็จะต้องใช้เวลานานในการทำความเข้าใจเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้เอง การเข้ามาของ MarTech จะเป็นตัวช่วยที่ดีให้กับบริษัททอผ้าแห่งนี้ ยกตัวอย่างระบบที่เหมาะสมกับบริษัทนี้คือ ระบบ CRM (Customer Relationship Management) แพลตฟอร์มที่สามารถจัดการงานหลาย ๆ ด้านได้พร้อมกัน และยังเป็น Single Source of Truth กล่าวคือ เป็นการปิดไม่ให้เซลเข้ามาแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ได้ แต่ทำได้เพียงรายงานผ่านระบบว่าทำอะไรไปบ้าง ถึงขั้นตอนไหนแล้ว รวมถึงสามารถตรวจสอบ Sales Cycle ของเซลแต่ละคนได้ สามารถเรียกดูข้อมูลของแต่ละการขายได้อย่างละเอียด เพื่อทำการวิเคราะห์ดู Performance ของเซล รวมไปถึงสามารถใช้ข้อมูลที่ได้มาช่วยวิเคราะห์ลักษณะของลูกค้าที่สนใจ ไปจนถึงออกแบบการทำการตลาดว่าควรจะเป็นไปแบบไหนสำหรับลูกค้าแต่ละคน หรือที่เรียกว่า การทำ Personalized Marketing
จากเคสตัวอย่างที่คุณบอลได้เล่ามานี้ จะเห็นได้ว่า MarTech นั้นสามารถเป็นตัวช่วยที่เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด การเข้าถึงลูกค้า การสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า รวมทั้งยังเพิ่ม Productivity ให้กับพนักงานในองค์กรให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนลงได้
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า ไม่ว่าจะองค์กรเล็กหรือใหญ่ MarTech สามารถเข้ามาตอบโจทย์การทำงานด้านการตลาดได้ทั้งหมด และจะเข้ามาช่วยให้การทำงานของนักการตลาดใน Process เดิม ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
จะขอเล่าถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตาม Process การทำงานของนักการตลาด ซึ่งเริ่มจาก Plan วางแผนการทำงานตลาด > List ออกแบบการเข้าหาผู้บริโภค > Convince ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์
Plan หรือ การวางแผนทำการตลาด: อาจจะเป็นการจ้างทำรีเสิร์ชสำหรับกลุ่มลูกค้า/ คู่แข่ง/ ตลาด/ รวมถึงองค์กรตัวอย่าง เพื่อหาว่าทำตลาดแบบไหนจะสำเร็จ แบบไหนจะเหมาะสม โดยอาจจะเป็นการเข้าไปสัมภาษณ์ หรืออาจจะใช้ข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมาวิเคราะห์ ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือที่สามารถเข้ามาช่วยในการวางแผนการตลาดในหลากหลายมุมมากขึ้น และช่วยวิเคราะห์ให้งานมีน้ำหนักมากพอที่จะนำไปเสนอ และตัดสินใจใช้จริง
List หรือ การออกแบบการเข้าหาผู้บริโภค: ภาพที่เห็นในอดีตจะมีการวางแผนลิสต์ เพื่อทำ PR โฆษณา หรือโปรโมทผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสื่อพิมพ์ แบนเนอร์ และเมื่อปัจจุบันนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงไป นักการตลาดหันมาใช้เครื่องมือในการทำโฆษณา อย่างเช่น การยิงแอด ซึ่ง MarTech ก็สามารถเป็นตัวช่วยให้การวิเคราะห์ผลต่าง ๆ ในการดำเนินงาน ทั้งหา Feedback, Social Engagement และจะมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
Convince หรือ การทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์: การสื่อสารกับลูกค้าแต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ด้วยความต้องการผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีความแตกต่างกัน ทำให้ต้องเลือกการสื่อสารให้ตรงจุด และ MarTech เองก็มีเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้สื่อสารกับลูกค้าแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบบ Personalization หรือการสื่อสารในหลากหลายช่องทาง (Omni-Channel)
นับว่าเป็นโอกาสที่ดี สำหรับผู้ที่สนใจในด้าน MarTech ทั้งองค์กรขนาดเล็ก-ใหญ่ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และนักการตลาดต่าง ๆ เพราะตอนนี้ได้มีการเปิดหลักสูตร “ผู้นำเทคโนโลยีการตลาดระดับสูงแห่งอนาคต CMT - Chief Marketing Technologist รุ่นที่ 2” เป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย ที่เรียกได้ว่าเป็น Advanced Technology for the Next Decade หรือ หลักสูตรเกี่ยวกับเทคโนโลยีการตลาดขั้นสูงในทศวรรษหน้า ตอนนี้รับสมัครเป็นรุ่นที่ 2 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านการตลาดแห่งอนาคต
สำหรับ CMT รุ่นที่ 1 ที่ผ่านมา สามารถสร้างความสำเร็จให้กับลูกค้าในกลุ่มต่าง ๆ โดยจากผลการสำรวจพบว่า 82% ของผู้เรียน “นำความรู้ไปปรับใช้กับธุรกิจได้จริงทันทีหลังเริ่มเรียน” และ 88% ของผู้เรียน “ได้รับประสบการณ์ที่ดีเกินกว่าที่คาดหวัง” ซึ่งผลตอบรับที่เห็นได้ชัดเจนในผู้เรียนที่เข้าร่วมในกลุ่มต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น
จากเสียงตอบรับที่ดีใน Chief Marketing Technologist (CMT) รุ่นที่ 1 ที่มีหลายหน่วยงานสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในธุรกิจได้สำเร็จนั้น ก็นำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรที่เข้มข้นขึ้นกับ CMT รุ่นที่ 2 - Advance Marketing Technologies in the Next Decade
สำหรับรอบนี้ที่พิเศษสุด ๆ คือ มีการเรียนแบบ Offline ในระยะเวลา 13 สัปดาห์เต็ม เพื่อนำพาผู้เรียนทุกคนไปเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการตลาด ให้พาองค์กรหรือธุรกิจก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และให้สามารถสร้าง Innovation Business และ Transform เป็น New S-Curve ขององค์กรในทศวรรษข้างหน้าได้ โดยจะมีการเรียนในทุก ๆ วันเสาร์ เวลา 13.00-17.00 น.
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสมัครรอบที่ 2 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 29 มีนาคม 2565 พร้อมราคาพิเศษ Early Bird 130,000 บาท (ราคาปกติ 150,000 บาท) ลงทะเบียนได้ที่ https://form.typeform.com/to/AsT7ITiJ (มีสัมภาษณ์ก่อนเข้าหลักสูตร)
รับจำนวนจำกัด หากไม่อยากพลาดโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีการตลาดระดับสูงแห่งอนาคต หากสนใจให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3taT4Ue
ในการเรียนทุกคลาส ผู้เรียนจะได้พบกับ Speakers กว่า 20 คน ที่เรียกได้ว่าเป็น MarTech Leaders ของประเทศไทย ทั้งผู้บริหารระดับสูง และผู้ที่มีประสบการณ์ในการวงการเทคโนโลยีและการตลาด และที่พลาดไม่ได้ในหลักสูตรนี้ คือ
และมี Speakers คนสำคัญมากมายที่จะมาให้ความรู้แบบเต็มอิ่ม 13 วัน ซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้าน B2B Business และ CRM, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data และ AI สำหรับทำ Marketing, ผู้เชี่ยวชาญด้าน e-Commerce, ผู้เชี่ยวชาญด้าน Social Listening, Social Analytics, ผู้เชี่ยวชาญการทำ Market Research, คิดค้น Innovation Strategy นอกจากนี้ยังมีการมานำเสนอในหัวข้อสำคัญต่าง ๆ เช่น มุมมองการสร้างโอกาสจาก MarTech, Vision ของ Marketing ในอนาคตอันใกล้ เช่น Quantum Marketing, MarTech Organization รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง Web 3.0, Blockchain, Decentralization เป็นต้น
และสำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสมัครรอบที่ 2 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 29 มีนาคม 2565 พร้อมราคาพิเศษ Early Bird 130,000 บาท (ราคาปกติ 150,000 บาท) ลงทะเบียนได้ที่ https://form.typeform.com/to/AsT7ITiJ (มีสัมภาษณ์ก่อนเข้าหลักสูตร)
ด่วน! รับจำนวนจำกัด หากไม่อยากพลาดโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีการตลาดระดับสูงแห่งอนาคต หากสนใจให้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/3taT4Ue
บทความนี้เป็น Advertorial
Sign in to read unlimited free articles