เปิดรับสมัครแล้ว สำหรับโครงการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนหลักสูตรแรกของไทย CCC Academy โดยหลังจากผ่านหลักสูตรเข้มข้นตลอด 8 สัปดาห์เต็ม สตาร์ทอัพสายบล็อกเชนที่มีศักยภาพยังมีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Incubate และ Accelerate เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแะการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนต่อไป
ดร.นที เทพโภชน์ ดร.นที เทพโภชน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท คริปโตซิตี้ คอนเน็กซ์ จำกัด และ Lead Co-Ordinator CCC Academy กล่าวว่าภายหลังจากเปิดตัวหลักสูตร Pre CCC Academy ซึ่งเป็นการให้ความรู้โดยผู้เชี่ยวชาญด้านบล็อกเชนบนระบบออนไลน์ออกไปได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้สนใจไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ กลุ่มภาคธุรกิจและภาครัฐตลอดจนผู้สนใจทั่วไป หลังจากนี้จะเป็นช่วงของการรับสมัครเข้าร่วมโครงการ CCC Academy ซึ่งเป็นหลักสูตรเข้มข้นตลอดระยะเวลากว่า 8 สัปดาห์ โดยเรียนทุกวันเสาร์ 10.00-17.00 ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม ถึง 23 ธันวาคม 2566 หยุดสองสัปดาห์ช่วงต้นเดือนธันวาคม
เนื้อหาที่สอนในหลักสูตรจะเป็นความรู้ที่ไม่เคยได้ฟังจากวิทยากรที่ไหนมาก่อน เนื่องจากเป็นเนื้อหาเชิงลึกที่เน้นให้ความเข้าใจในเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อนำไปใช้ต่อยอดในเชิง Use Case ได้จริงโดยมีเอกสารอ้างอิงตามหลักวิชาการและเนื้อหายังสอดคล้องกับกฎระเบียบและเทคโนโลยีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคอนเซบท์ของบล็อกเชน กฎระเบียบด้านสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ระบบการเงินไร้ตัวกลาง (DeFi),การประยุกต์บล็อกเชนเข้ากับเทคโนโลยีอื่นอย่างเช่นเอไอ,การนำ NFT และ Metaverse ไปใช้ในเชิงธุรกิจจริง รวมถึงหลักการของสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติ (CBDC) ฯลฯ
นอกจากนี้ สตาร์ทอัพที่ผ่านหลักสูตร CCC Academy จะมีสิทธิได้เข้าร่วมโครงการ Incubate ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนทางด้านองค์ความรู้ทั้งจากวิทยากรในโครงการตลอดจน Mentor ในวงการสตาร์ทอัพเพื่อที่จะทำให้โปรเจกต์ของสตาร์ทอัพสามารถใช้งานได้จริงในเชิงพาณิชย์ตลอดจนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการดังกล่าวจะเริ่มในเดือนมกราคมปี 2567 ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ โดยจะปิดท้ายด้วยการขึ้นเวที Demo Day ภายในงาน Block Moutain ที่จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากจบโครงการ Incubate แล้วยังจะมีโครงการ Accelerate ต่อเนื่องให้กับสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการได้รับเงินระดมทุนจากกองทุนร่วมลงทุนหรือ VC โดยจะมีการทำงานร่วมกับกองทุนร่วมลงทุนชั้นนำของไทยเพื่อที่จะเป็นเวทีให้สตาร์ทอัพในสายของบล็อกเชนได้แสดงศักยภาพของตัวเองเพื่อรับการร่วมลงทุนตั้งแต่ระดับ Seed Round ขึ้นไป คาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับรายชื่อของพันธมิตรและผู้สนับสนุนโครงการ CCC Academy และส่วนของโปรแกรม Incubate และ Accelerate ประกอบไปด้วย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานนวัตรกรรมแห่งชาติ (NIA) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) เซ็นทรัลกรุ๊ปและบริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด
นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรด้านสื่ออย่าง Techsauce,Thairath Money,Bitcoin Addict,Blockmoutain,Ricco Wealth,The Story Thailand และ CryptoQueen
ดร.นที กล่าวทิ้งท้ายว่านอกจากการได้รับสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว ยังมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีกหลายแห่งที่พร้อมจะสนับสนุนสตาร์ทอัพในเชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับโปรดักต์และเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจรวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการทดลองใช้งานเทคโนโลยีในพื้นที่จำกัดหรือ Sandbox เพื่อให้สตาร์ทอัพสามารถขยายงานและฐานลูกค้าของตัวเองได้
“อุตสาหกรรมบล็อกเชนกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เราได้เห็นนักลงทุนสถาบัน ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ตลอดจนองค์กรระดับประเทศ เข้ามาสู่โลกของบล็อกเชนเพื่อนำไปใช้งานในระบบการเงินและเศรษฐกิจจริงมากขึ้น เป็นโอกาสที่สตาร์ทอัพในสายของบล็อกเชนจะมาเข้าร่วมโครงการ CCC Academy นี้เพื่อคว้าโอกาสสำคัญในการเติบโตไปพร้อมกับกระแส Mass Adoption ในบล็อกเชนในช่วงหลังจากนี้”
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ CCC Academy สามารถกรอกข้อมูลลงในลิงค์ https://bit.ly/47RCWL4 จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อส่งหลักฐานการชำระค่าสมัครยืนยันการเข้าร่วมโครงการต่อไป โดยจะเปิดรับสมัครจนถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2567 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ Facebook ของ Crypto City Connext
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด