Taylor Swift ไม่ใช่แค่ของชื่อศิลปินอีกแล้ว กลายเป็น Branding ที่มีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาท เพราะไม่ว่าชื่อนี้ไปปรากฏอยู่ที่ไหนก็จะได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก ซึ่งหากมองในมุมของธุรกิจความสำเร็จของ Taylor Swift ก็มีส่วนที่หยิบมาใช้ในการพัฒนาโมเดลธุรกิจได้เช่นเดียวกัน
Taylor Swift ในช่วงอายุเพียงแค่ 33 ปี แต่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมทั้งหมด 780 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ถึงแม้เธอจะไม่ใช่นักธุรกิจ แต่ก็สามารถสร้างมูลค่าให้กับชื่อ ‘Taylor Swift’ ได้ ด้วย 4 แนวคิดนี้
ตอนที่ Taylor อายุได้เพียง 11 ขวบ เธอเดินสายไปหาค่ายเพลงต่าง ๆ เพื่อร้องเพลงให้พวกเขาฟัง ถึงแม้ค่ายเพลงจะปฏิเสธ แต่เธอก็ไม่เคยหยุดพยายามนำเสนอความสามารถหรือข้อดีที่เธอมี และกลับมาฝึกฝนพัฒนาตัวเอง รวมถึงฝึกแต่งเพลงเองทุกวัน
ข้อนี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นควรนำไปใช้ การพยายามทำให้ผู้คนสนใจผลิตภัณฑ์ แนวคิด หรือความสามารถของคุณ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ยิ่งคุณโน้นมน้าวให้ลูกค้าและนักลงทุนเชื่อในสินค้าและบริการของคุณได้มากเท่าไหร่ ธุรกิจก็ยิ่งมีโอกาสเติบโตได้มากเท่านั้น
Taylor เป็นหนึ่งในคนที่ใส่ใจรายละเอียดคนรอบตัวมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร นักจัดรายการวิทยุ และคนที่ทำงานเบื้องหลังของเธอคนอื่น ๆ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า Taylor เอาใจใส่พวกเขา และยังใส่ใจไปถึงคนในครอบครัวของพวกเขาอีกด้วย ทำให้เธอมีเพื่อนมากมายที่คอยสนับสนุนและผลักดันเธอ
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีจึงเป็นหนึ่งในรากฐานความสำเร็จของธุรกิจ เพราะนอกจากลูกค้าและนักลงทุน ก็มีคู่ค้าทางธุรกิจนี่แหละ เป็นกำลังสำคัญที่สามารถช่วยสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตได้เช่นกัน ธุรกิจจึงควรใส่ใจคู่ค้าของตนเองให้มาก
รู้หรือไม่ 1 สิ่งที่ดึงธุรกิจออกห่างจากความสำเร็จ คือ การที่มีสินค้าและบริการคล้ายกันมากมาย ทำให้สินค้าเหล่านั้นล้นตลาด หากอยากให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว คุณก็ควรที่จะมองหาและคิดค้นสิ่งใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นจากคนอื่น ๆ
ซึ่ง Taylor คือตัวอย่างของการสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ที่ดีมาก แม้ว่าแนวเพลงที่คนนิยมจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่เคยทำตามกระแสเลยสักนิด Taylor มักสร้างสรรค์ดนตรีแนวใหม่ ๆ ในแบบของเธอ ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะออกเพลงอะไรก็ดึงความสนใจจากผู้คนได้เสมอ
รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายคือใครและอยู่ที่ไหน คือ กุญแจสำคัญที่จะทำให้คนสนใจธุรกิจของคุณ เพราะต่อให้คุณสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่น่าสนใจมากแค่ไหน แต่เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่ทำมาก็คงสูญเปล่า ยิ่งในยุคสมัยที่มีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมากมาย ธุรกิจก็ควรเลือกใช้โซเชียลมีเดียให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
เหมือนกับที่ Taylor Swift รู้จักแฟนเพลงของเธอเป็นอย่างดี แทนที่จะรอให้ดีเจวิทยุเปิดเพลงของเธอเพื่อส่งถึงแฟนเพลง เธอเลือกที่จะสื่อสารกับแฟน ๆ โดยตรงผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ Instagram แทน เพราะแฟนเพลงของ Taylor ส่วนใหญ่มักออนไลน์และติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดีย
อ้างอิง: inc, entrepreneur
Sign in to read unlimited free articles